วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

2 เมษายน วันรักการอ่าน

2 เมษายน วันรักการอ่าน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          การพูด การอ่าน การเขียน การฟัง กริยาเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องปฏิบัติในชีวิตประจำวัน  แต่ปัจจุบันด้วยความที่เรามีเวลาที่จำกัด จึงทำให้คนไทยห่างเหินกับกิจกรรมเหล่านี้ โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ รัฐบาลซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้กำหนดให้วันที่ 2 เมษายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงมีคุณูปการต่อวงการหนังสือไทย เป็น "วันรักการอ่าน" ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 เป็นต้นมา

          ซึ่งจากรายงานของสำนักสถิติแห่งชาติพบว่า การ อ่านหนังสือของเด็กไทยจากเดิม 52 นาทีต่อวัน เหลือเพียง 39 นาที เนื่องจากเด็กและเยาวชน   ส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการเล่นคอมพิวเตอร์และดูโทรทัศน์มากขึ้น  คณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อเสริมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ จึงกำหนด "วันรักการอ่าน" ขึ้นมา เพื่อรณรงค์และปลูกฝังให้เด็ก ๆ และเยาวชนหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น           โดยในแต่ละปีนั้น จะมีการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ (Bangkok International Book Fair) ขึ้นในช่วงเวลาของวันที่ 2 เมษายนของทุก ๆ ปี เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อเสริม สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่ต้องการให้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาของการอ่านหนังสือ โดยเด็ก ๆ และเยาวชน สามารถมาร่วมงานสัปดาห์หนังสือฯ เพื่อเลือกซื้อหนังสือดีราคาถูก ที่แต่ละสำนักพิมพ์ขนมาจำหน่ายในงาน ทั้งหนังสือภาพสำหรับเด็ก หนังสือนิทาน หนังสือวิชาการ หนังสือสารคดี หนังสือนวนิยาย หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ อาทิ ประวัติบุคคลสำคัญของไทย หรือ ประวัติบุคคลสำคัญของนานาประเทศ เป็นต้น

          แต่การสรรหาหนังสือ ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน แต่ อยู่ที่ตัวของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเข้าให้ถึงความต้องการของเด็ก ๆ โดยต้องรู้ก่อนว่า เด็กในวัยนี้อยากเรียนรู้เรื่องอะไร เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่ จะได้สรรหาสิ่งนั้นมาให้อย่างถูกต้อง และตรงตามพัฒนาการที่เขาพร้อมจะเรียนรู้อย่างเข้าใจด้วย เพราะเด็กในแต่ละวัยมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน และสุดท้ายคุณพ่อคุณแม่ ต้องไม่กังวลว่าบ้านจะรกเต็มไปด้วยหนังสือ เพราะการที่เด็ก ๆ เห็นหนังสือจนชินตา เขาก็จะรู้สึกคุ้นเคยและต้องการหยิบขึ้นมาอ่านเอง โดยที่ไม่ต้องบอกให้เขารักการอ่านเลย          วันนี้ อาจยังไม่สาย หากคุณพ่อคุณแม่ จะเริ่มปลูกฝังให้ลูก ๆ ของท่านรักการอ่าน โดยเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการหาหนังสือซักเล่มที่เหมาะสมกับวัย และพัฒนาการมาให้ลูก ๆ ของท่านได้อ่าน และเรียนรู้ที่จะมีหนังสืออยู่รอบ ๆ ตัวของเขาเอง

ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/56954

โครงการส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมหมุนเวียนสื่อ

ห้องสมุดประชาชนจังหวัดตรังได้ดำเินินโครงการส่งเสริมการอ่าน
กิจกรรมหมุนเวียนสื่อ  มุมหนังสือโรงพยาบาลตรัง  บขส.ตรัง
สถานีรถไฟตรัง  ท่าอากาศยานตรัง เพื่อเป็นการส่งเสริมการอ่านเชิงรุก



มุมหนังสือ ท่าอากาศยานตรัง


 มุมหนังสือโรงพยาบาลตรัง



มุมหนังสือสถานีรถไฟตรัง

มุมหนังสือ บขส.จังหวัดตรัง

วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง


5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง

5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง



5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง


5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง (Woman Plus)

          พูดถึงแคลเซียม สารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างกระดูก ทุกคนต้องนึกถึง "นม" ขณะเดียวกันหนุ่มสาวส่วนใหญ่กลับดื่มนมน้อยลง เพราะเชื่อว่าการดื่มนมทำให้อ้วนและสะสมไขมันส่วนเกิน ผลสำรวจโดยแอนลีนพบว่า ผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ 84% ตระหนักถึงประโยชน์ของนม แต่มีไม่ถึง 50% ที่ดื่มนมและบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมเป็นประจำทุกวัน และโดยมากจะดื่มนมเพียงวันละ 1 แก้ว ทั้ง ที่ในความเป็นจริงแล้ว ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการคือ 800-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งนมส่วนใหญ่ใน 1 แก้วมักมีแคลเซียมเพียง 200-250 มิลลิกรัม หรือเพียง 25% เท่านั้น 

          รศ.พญ.วิไล คุปต์นิรัติศัยกุล หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกรรมการมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย จึงได้แนะนำ 5 เคล็ด (ไม่) ลับที่ช่วยเติมพลังแคลเซียมให้กับร่างกายแบบเต็มร้อย

           1. เลือกดื่มนมและอาหารที่มีแคลเซียม

          ใน ปริมาณที่เหมาะสม แคลเซียมในนมและผลิตภัณฑ์นมนั้นถูกดูดซึมได้ง่ายที่สุด เลือกรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ผลิตภัณฑ์จากนมอื่น ๆ เช่น โยเกิร์ต ชีส หรือนมเปรี้ยว รวมถึงเต้าหู้ก้อน ผักใบเขียว ถั่วงา


           2. วิตามินดีและแมกนีเซียม

          วิตามินดีมีอยู่ในนม ปลาแซลมอน เห็ด ไข่แดง น้ำมันพืช และแสงแดด โดยเราควรรับแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าและเย็น ประมาณ 10-15 นาทีต่อวัน ในขณะที่แมกนีเซียมทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการสังเคราะห์และควบคุมการขนส่ง แคลเซียม


           3. การออกกำลังกายที่ใช้การแบกรับน้ำหนักตัว หรือการออกกำลังกายที่มีการต้านแรงดึงดูดของโลก

          จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กระดูกได้ออกแรงทำงานและชะลอการเกิดภาวะกระดูก พรุนได้ รวมถึงการเล่นกีฬาประเภทต่าง ๆ เช่น แบดมินตัน เทนนิส บาสเกตบอลวอลเลย์บอล อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง 

          สำหรับผู้สูงอายุควรออกกำลังกายแบบแบกรับน้ำหนักตัวที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น การเดิน เต้นแอโรบิก ตีกอล์ฟ โยคะ ไทชิ และควรฝึกการทรงตัว เพื่อช่วยให้ลดความเสี่ยงจากการหกล้มและกระดูกหัก


           4. หลีกเลี่ยงผักที่ยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม 

          เช่น ผักโขม มันเทศ รำข้าวสาลี พืชมีเมล็ด และโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง ซึ่งอาจแก้ไขได้ด้วยการบริโภคผักที่มีแคลเซียมปานกลางถึงสูง แต่มีออกซาเลตต่ำ อาทิ คะน้า กวางตุ้ง ขี้เหล็ก ตำลึง บัวบก และถั่วพู เป็นต้น


           5. ควรหลีกเลี่ยงเหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ น้ำอัดลม

          เพราะแอลกอฮอล์คือวายร้ายที่คอยขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในระบบทางเดินอาหาร

ที่มา : http://health.kapook.com/view83941.html

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันได 9 ขั้น อ่านให้เก่ง


 นั่งอ่านตั้งนานก็ยังไม่เข้าใจ จำก็ไม่ได้…จะทำอย่างไรดี?
 การอ่านเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาคนและพัฒนาชาติ แต่พบว่าเปอร์เซ็นต์ของคนไทยกับการอ่านนั้นยังอยู่ในตัวเลขที่ต่ำมาก
จากการสัมมนาเพื่อเตรียมการจัดงานสัปดาห์ห้องสมุดปีที่ 33 พ.ศ. 2551 เรื่อง “การอ่านเพื่อพัฒนาตนและพัฒนาชาติ” รศ.ดร.ถนอมวงศ์ ล้ำยอดมรรคผล คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้สรุปวิธีการอ่าน(ให้เก่ง)ในรูปบันได 9 ขั้น ที่น่าสนใจ
ขั้นที่ 1 มีสมองไว้คิด การคิดคือปัจจัยเบื้องต้นของการเข้าใจ การอ่านโดยไม่คิดเท่ากับการเสียเวลา เพราะหากไม่เข้าใจก็ย่อมไม่ได้ความรู้ความคิด หรือข้อมูลไปทำอะไรได้
ขั้นที่ 2 ทำจิตให้แจ่มใส เตรียมพร้อมสำหรับการอ่าน สร้างบรรยากาศภายนอกและภายในจิตใจให้พร้อม
ขั้นที่ 3 สนใจอ่านทุกหนังสือ (อ่านหนังสือทุกชนิด) ให้ถามตัวเองว่าต้องการอะไรเป็นรางวัลในการอ่านแต่ละครั้ง แล้วสัญญากับตัวเองหรือขอรางวัลจากคนอื่นก็ได้เพื่อจะได้ลงมืออ่านจนสำเร็จ ไม่ว่าสิ่งที่อ่านจะยากเพียงใดก็จะพยายามทำความเข้าใจไปให้ตลอดด้วยวิธีการ ต่างๆ
ขั้นที่ 4 อย่าถือ “ดิค” เป็นคัมภีร์ ดิคชันนารีหรือพจนานุกรม ปทานุกรม อักขรานุกรม ซึ่งอธิบายคำศัพท์ภาษาเดียวกันก็ดี หรือต่างภาษาก็ดี อย่าเปิดหาคำศัพท์ตัวต่อตัวติดต่อกัน ให้อ่านข้อความให้จบเสียก่อนอย่างน้อยหนึ่งย่อหน้าหรือหนึ่งข้อความ หากคำที่ต้องการแปลได้หลายความหมาย ให้เลือกคำแปลที่ตรงกับแนวเรื่องที่อ่าน ถ้าพยายามด้วยตนเองทุกวิถีทางแล้วยังไม่ทราบความหมายของคำที่ต้องการ หรืออ่านข้อความไม่เข้าใจ ให้ถามผู้รู้
ขั้นที่ 5 อย่าอ่านจี้คำเป็นคำๆ การอ่านอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต้องอ่านแบบกวาดสายตา คือจะหยุดสายตาก็ต่อเมื่อได้ความหมายจากการอ่านข้อความช่วงหนึ่งๆ แล้ว ช่วงข้อความที่มีความหมายอาจจะสั้นเพียงคำเดียวหรืออาจจะยาวกว่าหนึ่งบรรทัด
ขั้นที่ 6 ฝึกการจำความย่อๆ คือจำข้อความที่สั้นที่สุดแต่ครอบคุลมเนื้อหาสาระให้ได้มากที่สุด ทำได้โดย 1.ทำเครื่องหมาย 2.ทำบันทึกสรุปแนวคิดหลัก 3.สร้างแผนภูมิ
ขั้นที่ 7 รู้จักขอความช่วยเหลือ หากอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็ควรฝึกฝนตนเอง หากยังทำความเข้าใจไม่ได้ก็ควรตรวจสอบกับหนังสือเล่มอื่นๆ ก่อนถามผู้รู้
ขั้นที่ 8 อ่านไม่เบื่อทุกวิชา สร้างแรงบันดาลใจว่าการทำความเข้าใจในทุกสาระความรู้ ให้เข้าใจว่าจักรวาลนี้กว้างเหลือเกิน ความรู้ต่างๆ มีมากเหลือจะตักตวงได้หมด ความรู้จะหาได้ด้วยการอ่าน
ขั้นที่ 9 ชีวิตมีค่าและประสบความสำเร็จ การอ่านที่ดีมิใช่มีแต่การอ่านเพื่อเรียนเท่านั้น เมื่อพัฒนาความสามารถของตนเองขึ้นมาแล้วผลที่ตามมาจะมิได้อยู่เฉพาะตัวเอง พึงตระหนักว่าหากอ่านเก่งก็อาจจะมีคุณค่าขึ้นมาได้ นั่นคือต้องอ่านอย่างมีจุดมุ่งหมาย
(Visited 1,161 times, 27 visits today)

ที่มา : http://www.stks.or.th/blog/?p=527

วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

“สุดยอด กศน.”

โครงการจัดการแข่งขันด้านความสามารถพิเศษ
ของนักศึกษา กศน.
“สุดยอด กศน.”





หลักการและเหตุผล
          ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายปฏิรูปการศึกษาด้วยการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน ได้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต และกระทรวง
ศึกษาธิการมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนานักเรียน นักศึกษาอย่างเต็มศักยภาพ  โดยเปลี่ยนแนวคิดจากระบบควบคุม เป็นการให้โอกาสให้
นักเรียน นักศึกษา ได้ใช้สมองในการเรียนรู้อย่างเต็มที่  เพื่อให้มีทักษะความสามารถความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการอย่างไม่มีที่สิ้น สุด   เพราะ
ประเทศจะพัฒนาได้ด้วยคนรุ่นใหม่ ที่คิดเป็น มีปรัชญาที่ลึกซึ้ง    จึงต้องการสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีความฉลาด และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากขึ้น 
สำนักงาน กศน. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย  เพื่อให้โอกาสให้กับประชาชนในการรับการศึกษามากขึ้น
ในด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน  ระดับประถมศึกษามัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย  การศึกษาด้านอาชีพ  และการศึกษาต่อเนื่องจาก
สถานศึกษา กศน. ตำบล/แขวง 7,424 แห่ง   กศน. อำเภอ/เขต จำนวน 928 แห่ง  ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง จำนวน 755
แห่ง ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน 9 แห่ง และการศึกษาทางไกลผ่านสื่อเทคโนโลยีต่างๆ  ทั้งด้านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุศึกษา
และวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) โดยมีนักศึกษา กศน. ทุกระดับและทุกประเภทกว่า 3,150,000 คน    ซึ่งเป็นผู้ที่มีความหลากหลายทั้ง
ระดับอายุ ถิ่นฐาน วัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ ทักษะ ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่ได้จากเรียน “กศน.” และ “การศึกษาตลอดชีวิต”
จากภูมิปัญญาและสื่อต่างๆ หล่อหลอมกับทักษะความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวนักศึกษา กศน.  ทำให้สามารถพัฒนา
ทักษะ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ เป็นความสามารถพิเศษ ที่เป็น “สุดยอด กศน.”      สำนักงาน กศน. จึงจัดทำ
โครงการจัดการแข่งขันด้านความสามารถพิเศษของนักศึกษา กศน.“สุดยอด กศน.” ในรูปแบบการแสดงทักษะความรู้ความสามารถพิเศษ  การนำ
เสนอนวัตกรรมและความสามารถพิเศษอื่นๆ ที่แสดงออกถึงความรู้ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และพรสวรรค์
ของนักศึกษา กศน. เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ทักษะถึงความสามารถพิเศษ และความคิดสร้างสรรค์ ของนักศึกษา กศน.    เสมือนเป็นรากหญ้าของ
คนส่วนใหญ่ของประเทศได้เป็น “สุดยอด กศน.” และมีโอกาสแจ้งเกิดในเวทีการแสดง ต่อไป

วัตถุประสงค์
          1. เพื่อส่งเสริมสนับสนุนนักศึกษา กศน. ที่มีความรู้ ทักษะความสามารถพิเศษ และพรสวรรค์ในด้านต่างๆ ได้แสดงออกในแนวทางที่ถูกต้อง
เหมาะสม
          2. เพื่อเผยแพร่กิจกรรมของนักศึกษา กศน.ซึ่งเป็นรากหญ้าของคนไทยให้ประชาชนได้รับรู้ถึงทักษะความสามารถด้านต่างๆ
          3. ส่งเสริมสนับสนุนนักศึกษา กศน. ที่มีทักษะความสามารถพิเศษด้านต่างๆ ได้มีเวทีในการแสดงออกซึ่งความสามารถ อันจะเป็นประโยชน์
ในการพัฒนาคุณภาพของนักศึกษา กศน. และครอบครัวต่อไป

เป้าหมาย
          1. เชิงปริมาณ
             1.1 สถานศึกษาสังกัดสำนักงาน กศน. ทุกแห่ง
             1.2 นักศึกษา กศน. ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีพ และการศึกษาต่อเนื่อง จำนวน 3,150,000 คน
          2. เชิงคุณภาพ
             2.1 นักศึกษา กศน. ที่มีทักษะความสามารถพิเศษ ความคิดสร้างสรรค์ และพรสวรรค์ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
                  ของตนเอง และแจ้งเกิดในเวทีการแสดง
             2.2 สำนักงาน กศน. มีนวัตกรรมการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาตลอดชีวิต ที่เกิดจากความสามารถ
                  พิเศษ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาและพรสวรรค์ของนักศึกษา กศน.
             2.3 ประชาชนชนได้รับทราบกิจกรรมการเรียนการสอนและผลงานความสามารถพิเศษของ สำนักงาน กศน.

รูปแบบและวิธีการจัดการแข่งขัน
          1. เกณฑ์การแข่งขัน
             1.1 นักศึกษา กศน. สามารถสมัครเข้าแข่งขันได้ในลักษณะบุคคลหรือทีม
             1.2 นักศึกษา กศน. ที่สมัครเข้าแข่งขันเป็นทีม จะต้องศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกัน
             1.3 นักศึกษา กศน. ที่สมัครเข้าร่วมแข่งขัน ต้องลงนามรับรองกิจกรรมที่นำมาแสดงเป็นผลงานของตนเอง โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
                  
ของผู้อื่น
             1.4 นักศึกษา กศน. จะต้องจัดหาและนำสื่อ วัสดุ อุปกรณ์การแข่งขันมาเอง
             1.5 นักศึกษา กศน. ที่แข่งขันต้องรับผิดชอบความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแสดงกับตนเอง ผู้อื่น วัสดุ อุปกรณ์และสถานที่
             1.6 นักศึกษา กศน. ใช้เวลาในแสดงความสามารถพิเศษฯ ไม่เกิน 5 นาที
             1.7 กิจกรรมของนักศึกษา กศน. ที่แข่งขันต้องไม่เกี่ยวข้องกับสถาบัน การเมือง ไม่เสียดสีล้อเลียน ดูหมิ่นเหยียดหยามบุคคล ศาสนา
                  เป็นที่อันตราย หวาดเสียว ผิดศีลธรรม ละเมิดสิทธิของผู้อื่น และอื่นๆที่คณะกรรมการเห็นว่าไม่เหมาะสม คณะกรรมการมีสิทธิตัดสินให้
                  ยุติการแข่งขันในทันทีได้

ที่มา : http://203.172.142.5/information/beta/sudyod_project.htm

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผลการประกวดหนังสือดีเด่นปี 57

นายกมล  รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาตัดสินการประกวดหนังสือดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2557 พิจารณาตัดสินการประกวดหนังสือที่ตีพิมพ์ในประเทศไทย ปี พ.ศ.2556 คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาตัดสินโดยแบ่งออกเป็น 9 ประเภท

นายกมล กล่าวว่า "ปีนี้มีจำนวนผู้ได้รับรางวัลมากกว่าปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่านักเขียนมีการพัฒนาผลงานให้มีคุณภาพมากขึ้น ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลหนังสือดีเด่นในปีนี้ และขอเชิญชวนครู ผู้ปกครอง ประชาชน และน้องๆ หนอนหนังสือทุกท่านไปหาซื้อหนังสือดีที่ได้รับรางวัลในเปิดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 42  และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม -- วันที่ 7 เมษายน 2557 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ กรุงเทพมหานคร "

ผลรางวัลมีดังนี้

1.หนังสือสารคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
รูปแบบบ้านเรือนของกลุ่มชาติพันธุ์ในอุษาคเนย์ โดย ระวิวรรณ  โอฬารรัตน์มณี สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. นกน่ารักน่ารู้  โดย กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์คติ สำนักพิมพ์คติ
2. เมื่อวัยเด็ก When I was young โดย อเนก  นาวิกมูล พิมพ์คำสำนักพิมพ์
3. หน้าหนึ่งในสยาม ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ โดย ไกรฤกษ์  นานา สำนักพิมพ์มติชน

2. หนังสือนวนิยาย
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
จับต้นมาชนปลาย โดย ชมัยภร  แสงกระจ่าง, สำนักพิมพ์คมบาง

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ผีเสื้อที่บินข้ามบึง โดย อุรุดา  โควินท์ , ณ ดา สำนักพิมพ์
2. ไม้นอกกอ  โดย ช่อมณี , สำนักพิมพ์อรุณ
3. อันเกิดแต่ดวงจิต...อธิษฐาน โดย อิสรา, สำนักพิมพ์เพื่อนดี

3. หนังสือกวีนิพนธ์
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
รวมบทกวี โคลงบ้านโคลงเมือง โดย นายทิวา, บริษัท ออน อาร์ต ครีเอชั่น จำกัด

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ผู้กลับใจ โดย เวทิน  ศันสนียเวทย์
2. ฝากหัวใจในแผ่นดิน โดย นภาลัย (ฤกษ์ชนะ)  สุวรรณธาดา
3. รวมบทกวี ก่อนกาลจักกลายกลืน โดย ชมพร  เพชรอนันต์กุล, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรังสิต

4. หนังสือรวมเรื่องสั้น
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ความทรงจำบางอย่างช่างรางเลือน โดย รัชศักดิ์  จิรวัฒน์ , สำนักพิมพ์มติชน

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ชายผู้อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำ โดย รัตนชัย  มานะบุตร, สำนักพิมพ์ผจญภัย
2. เสือกินคน โดย สาคร  พูลสุข, สำนักพิมพ์ไรท์เตอร์
3. หญิงเสาและเรื่องราวอื่น โดย กล้า  สมุทวณิช, สำนักพิมพ์มติชน


5. หนังสือสำหรับเด็กเล็ก  อายุ  3-5  ปี

รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ช้าง ช้าง ช้าง โดย ตุลย์  สุวรรณกิจ, สำนักพิมพ์แพรวเพื่อนเด็ก

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ข้าวเม่าเขาแหลม โดย นวพร  แซ่แต้, สำนักพิมพ์ประภาคารพับลิชชิ่ง
2. ไข่ของใคร โดย สองขา , สำนักพิมพ์สุวีริยาสาส์น
3. หัวใจดวงอุ่น โดย เกวลิน  ชุ่มช่างทอง , สำนักพิมพ์โลกหนังสือ


6. หนังสือสำหรับเด็ก  อายุ  6 - 11  ปี
แบ่งเป็น

6.1 หนังสือบันเทิงคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ตุ๊กตาแห่งความทรงจำ
โดย ณิชา  พีชวณิชย์ , สำนักพิมพ์ห้องเรียน
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
ของขวัญแด่พระราชา  โดย นำบุญ  นามเป็นบุญ,  สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ 
ท้องนา...ฟ้าสีสวย โดย ส. พุ่มสุวรรณ , องค์การค้าของ สกสค.
พ่อครูครับ ผมจะเป็นเด็กดี โดย โชติ  ศรีสุวรรณ , สำนักพิมพ์มติชน

6.2 หนังสือสารคดี
รางวัลดีเด่น  : ไม่มีหนังสือเรื่องใดสมควรได้รับรางวัล
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
ขุมทรัพย์บนผนัง โดย อู่ทอง ประศาสน์วินิจฉัย, คณะบุคคลบ้านเรียนน้ำริน
เต่าต้วมเตี้ยม โดย ภัทรา แสงดานุช , สำนักพิมพ์โลกหนังสือ
เห็ดฝาง โดย ปรัชญา รัศมีธรรมวงศ์ , นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น

7. หนังสือสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุ  12 - 18  ปี
แบ่งเป็น

7.1 หนังสือบันเทิงคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
อาม่าบนคอนโด โดย ชมัยภร  แสงกระจ่าง, สำนักพิมพ์คมบาง
รางวัลชมเชย  มี  2  รางวัล ได้แก่
ม้อนน้อยที่รัก โดย โชติ  ศรีสุวรรณ , สำนักพิมพ์มติชน 
เมื่อกางปีกแล้วก็ต้องบิน โดย ปะการัง ,  แพรวสำนักพิมพ์ 

7.2 หนังสือสารคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ราชาสถาน โดย วันฉัตร  ชินสุวาเทย์ , สำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ 
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
รักและรักษ์บางกอกน้อย โดย ประพีร์พรรณ  ภาณวะวัฒน์ , สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช   
เรื่องสะเทือนไต โดย  ปิยา  วัชระสวัสดิ์ , บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน)
เลห์ ลาดักห์ Little Tibet โดย เส้นนำสายตา, สำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ 

7.3 หนังสือบทร้อยกรอง
รางวัลดีเด่น  : ไม่มีหนังสือเรื่องใดสมควรได้รับรางวัล
รางวัลชมเชย  มี 1 รางวัล ได้แก่
แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินหนองจอก โดย สิทธิเดช  กนกแก้ว , สำนักพิมพ์ร้อยแก้ววรรณกรรม
                       
8. หนังสือการ์ตูน และ หรือนิยายภาพ
แบ่งเป็น

8.1 หนังสือการ์ตูน และ หรือนิยายภาพทั่วไป
รางวัลดีเด่น  : ไม่มีหนังสือเรื่องใดสมควรได้รับรางวัล
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
รามเกียรติ์ ปฐมบท โดย รัตนา  คชนาท, สำนักพิมพ์ห้องเรียน 
อินดง อินเดีย INDIA DIARY โดย สเลดทอย , สำนักพิมพ์แซลมอน
YELLOW SUN BEGINS โดย ชัยพร  พานิชรุทติวงศ์ , สำนักพิมพ์ฟูลสต๊อป

8.2 หนังสือการ์ตูน และ หรือนิยายภาพสำหรับเด็ก
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
เณรแก้วกับน้อยไชยา ผจญภัยโลกแฟนตาซี ตอน ตำนานไซอิ๋ว โดย สวนโมกข์กรุงเทพ, นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์  
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
เณรแก้วกับน้อยไชยา ผจญภัยโลกแฟนตาซี ตอน อสูรโลกล้านปี   โดย สวนโมกข์กรุงเทพ, นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์ 
ไทย THAILAND โดย วิรัตน์  ยืนยงพัฒนากิจ, บันลือพับลิเคชั่นส์
พระราหุล โดย โอม  รัชเวทย์ , สำนักพิมพ์อมรินทร์คอมมิกส์

9. หนังสือสวยงาม
แบ่งเป็น

9.1 หนังสือสวยงามทั่วไป
รางวัลดีเด่น  ได้แก่ พัดรองงานพระราชพิธีในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  โดย เบญจมาส  แพทอง , คณะกรรมการกิจการการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 

รางวัลชมเชย  มี  3 รางวัล ได้แก่ 
แกงไทย โดย ญดา  ศรีเงินยวง และชนิรัตน์  สำเร็จ, สำนักพิมพ์แสงแดด      
เทวสถานมรดกวัฒนธรรมบนแผ่นดินไทย โดย กุลวดี  สถิติรัต และคณะ , สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ประยุรวงศานุสรณ์ โครงการบูรณปฏิสังขรณ์ "เขามอ" วัดประยุรวงศาวาส โดย กุลวดี  สถิติรัต และคณะ , บริษัท ดาวกฤษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด

9.2 หนังสือสวยงามสำหรับเด็ก
รางวัลดีเด่น ได้แก่ รามเกียรติ์ ปฐมบท โดย รัตนา  คชนาท , สำนักพิมพ์ห้องเรียน

รางวัลชมเชย  มี  3 รางวัล ได้แก่
คนต่อเทียน โดย นำบุญ  นามเป็นบุญ, สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์
ช้าง ช้าง ช้าง โดย ตุลย์  สุวรรณกิจ, สำนักพิมพ์แพรวเพื่อนเด็ก
เล่นด้วยกันสนุกจัง โดย ทิพย์วรรณ  แสวงศรี, สำนักพิมพ์โลกหนังสือ

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1393409450

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

10 ประโยชน์ของเปลือกมะนาวและเปลือกส้มกับงานบ้าน

มะนาว ส้ม และเลมอน เป็นผลไม้รสเปรี้ยวซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และหลายคนก็ชื่นชอบรสชาติของผลไม้เหล่านี้เป็นพิเศษ จนต้องซื้อติดบ้านไว้รับประทาน และใช้ปรุงอาหารเป็นประจำ แต่จะมีใครทราบ บ้างหรือเปล่าเอ่ย ว่าเปลือกของผลไม้ตระกูลไซตรัสเหล่านี้ มีประโยชน์เกินกว่าที่เราจะโยนทิ้งถังขยะแล้วปล่อยปละละเลยไปได้ง่าย ๆ ซึ่งหากใครยังไม่เคยเอะใจกับประโยชน์ของเปลือกมะนาว ส้ม และเลมอนมาก่อน ก็สามารถศึกษาได้จากข้อมูลต่อไปนี้เลยจ้า

1. ดับกลิ่นน้ำส้มสายชู

           น้ำส้มสายชูจัดเป็นน้ำยาทำความอเนกประสงค์ที่ทรงประสิทธิภาพมาก ๆ แต่หลายคนก็ไม่ค่อยอยากใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดบ้านสักเท่าไร เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีกลิ่นที่ฉุนขึ้นจมูก ทำให้หลายคนไม่ค่อยปลื้มนัก แต่เราสามารถแก้ข้อเสียของกลิ่นน้ำส้มสายชูได้ ด้วยการใส่เปลือกมะนาว เปลือกส้ม หรือเปลือกเลมอนลงไป เพียงเท่านี้ก็สามารถลดกลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูลงไปได้เยอะแล้วจ้า

2. ลดกลิ่นเหม็นในขยะ

          ถังขยะในบ้านที่เริ่มมีกลิ่นเหม็นโชยออกมา ให้คุณโยนเปลือกผลไม้ไซตรัส เช่น เปลือกมะนาว เปลือกส้ม เปลือกเลมอน หรือเปลือกเกรปฟรุตลงไปในถังขยะ เพื่ออาศัยกรดและกลิ่นของเปลือกผลไม้เหล่านี้ ให้ช่วยกำจัดเชื้อโรค รวมทั้งดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในถังขยะไปในคราวเดียวกัน


3. กำจัดกลิ่นท่อระบายของเสีย

           ท่อระบายของเสีย หรือท่อระบายน้ำที่ส่งกลิ่นเหม็นออกมาอยู่เรื่อย ๆ สามารถจัดการกลิ่นเหม็นเหล่านี้ด้วยเปลือกมะนาว และเปลือกผลไม้ไซตรัสอื่น ๆ ได้เลย โดยวางเปลือกมะนาวทิ้งไว้ตรงปากท่อ ต่อไปนี้กลิ่นท่อก็จะลดลงแล้วล่ะค่ะ

4. ขัดเงาสเตนเลส

          เครื่องใช้ หรือเครื่องครัวสแตนเลสที่เริ่มดำหมอง ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำยาขัดเงามาใช้ให้เปลือง เพราะเพียงแค่คุณโรยเกลือป่นลงไป จากนั้นก็ใช้เปลือกมะนาว หรือเปลือกส้มขัดถูให้ทั่ว เพียงเท่านี้ก็สามารถเรียกคืนความเงาวับให้วัสดุสเตนเลสได้ง่าย ๆ เลยจ้า

5. ทำความสะอาดไมโครเวฟ

          หากไมโครเวฟของคุณมีทั้งกลิ่นอาหารอบอวล และคราบสกปรกอยู่ตามจุดต่าง ๆ ก็ถึงเวลาต้องทำความสะอาดไมโครเวฟสักหน่อยแล้ว เริ่มแรกก็เตรียมน้ำใส่ถ้วยที่สามารถใช้กับไมโครเวฟได้ จากนั้นก็หั่นมะนาวครึ่งลูก บีบน้ำลงไป ตามด้วยใส่เปลือกมะนาวลงไปด้วย แล้วก็นำไปอุ่นในไมโครเวฟสัก 2 นาที ปล่อยทิ้งไว้สักพักในไมโครเวฟคลายอุณภูมิสักหน่อย ก่อนจะเปิดฝาไมโครเวฟ แล้วใช้ผ้าเช็ดคราบสกปรกออกให้หมดจด


6. กำจัดคราบชา กาแฟ

          แก้วกาแฟที่ถูกใช้งานเป็นประจำ ย่อมต้องมีคราบชา และกาแฟติดอยู่เป็นปื้นแน่ ๆ ดังนั้นเราก็ควรกำจัดคราบเหล่านี้ เพื่อแก้วกาแฟดูน่าใช้มากขึ้น วิธีทำความสะอาดก็ง่าย ๆ เพียงแค่ใส่เปลือกมะนาว หรือเลมอนลงไป แล้วเทน้ำร้อนตามลงไป แช่ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็เทน้ำทิ้ง และทำความสะอาดแก้วกาแฟตามปกติอีกครั้ง แล้วคุณจะสังเกตได้เลยว่า คราบชากาแฟได้อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยเลยทีเดียว


7. ไล่มด

          บ้านไหนที่มีมดเดินป้วนเปี้ยนกวนใจ ก็สามารถใช้เปลือกเลมอน หรือเปลือกส้มมาวางดักทางมดตามหน้าต่างบ้าน และรอยแยกบนพื้นเพื่อกันมดได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมดตัวน้อยตัวนิดเขาไม่ชอบกลิ่นฉุน ๆ ของผลไม้ไซตรัสจ้า


8. ป้องกันความซนของน้องเหมียว
          บริเวณต้องห้ามที่ไม่อยากให้น้องเหมียวจอมซนมาวุ่นวาย เช่น กระถางต้นไม้ หรือห้องเก็บของ ให้คุณนำเปลือกส้มมาวางดักไว้ที่บริเวณนั้น ๆ ให้ทั่ว แค่นี้น้องเหมียวก็ไม่กล้าเดินเฉียดมาใกล้แล้วล่ะ


9. เพิ่มกลิ่นอโรมาให้บ้าน
          ถ้าใครต้องการให้บ้านทั้งหลังมีกลิ่นหอมอบอวลเหมือนสปาหรู ๆ สักที่ แนะนำให้ตั้งหม้อกับเตา แล้วตั้งชามแก้วอีกใบไว้บนหม้อ เติมน้ำและเปลือกส้ม อบเชย และกานพลูลงไปต้มให้หอมอบอวล เพิ่มสเน่ห์ให้บ้านได้อีกเยอะเลยจ้า

10. ทำเครื่องหอมประดับบ้าน
          เปลือกส้ม เปลือกมะนาว และเปลือกเลมอน เมื่อนำมารวมกับสมุนไพรกลิ่นหอม เช่น กานพลู ไพล และเครื่องหอมชนิดอื่น ๆ แล้วทับกันในภาชนะฝาปิดให้แห้ง ปล่อยทิ้งไว้สักระยะก็จะได้เครื่องหอมสำหรับวางตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน อย่างวางในห้องน้ำ และบริเวณอื่นได้หอมและสวยมาก ๆ เลยล่ะ

           ต้องบอก ว่า ส้ม มะนาว และเลมอนมีประโยชน์เต็ม ๆ ลูกเลยก็ว่าได้ เพราะกินได้ทั้งเนื้อและน้ำ แถมเปลือกยังเก็บมาใช้งานได้อีกเนอะ คุ้มจริง ๆ เลยเชียว ได้รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมลองนำทริคไปใช้ดูนะคะ

ที่มา : http://home.kapook.com/view81529.html