วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

2 เมษายน วันรักการอ่าน

2 เมษายน วันรักการอ่าน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          การพูด การอ่าน การเขียน การฟัง กริยาเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องปฏิบัติในชีวิตประจำวัน  แต่ปัจจุบันด้วยความที่เรามีเวลาที่จำกัด จึงทำให้คนไทยห่างเหินกับกิจกรรมเหล่านี้ โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ รัฐบาลซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้กำหนดให้วันที่ 2 เมษายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงมีคุณูปการต่อวงการหนังสือไทย เป็น "วันรักการอ่าน" ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 เป็นต้นมา

          ซึ่งจากรายงานของสำนักสถิติแห่งชาติพบว่า การ อ่านหนังสือของเด็กไทยจากเดิม 52 นาทีต่อวัน เหลือเพียง 39 นาที เนื่องจากเด็กและเยาวชน   ส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการเล่นคอมพิวเตอร์และดูโทรทัศน์มากขึ้น  คณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อเสริมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ จึงกำหนด "วันรักการอ่าน" ขึ้นมา เพื่อรณรงค์และปลูกฝังให้เด็ก ๆ และเยาวชนหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น           โดยในแต่ละปีนั้น จะมีการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ (Bangkok International Book Fair) ขึ้นในช่วงเวลาของวันที่ 2 เมษายนของทุก ๆ ปี เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อเสริม สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่ต้องการให้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาของการอ่านหนังสือ โดยเด็ก ๆ และเยาวชน สามารถมาร่วมงานสัปดาห์หนังสือฯ เพื่อเลือกซื้อหนังสือดีราคาถูก ที่แต่ละสำนักพิมพ์ขนมาจำหน่ายในงาน ทั้งหนังสือภาพสำหรับเด็ก หนังสือนิทาน หนังสือวิชาการ หนังสือสารคดี หนังสือนวนิยาย หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ อาทิ ประวัติบุคคลสำคัญของไทย หรือ ประวัติบุคคลสำคัญของนานาประเทศ เป็นต้น

          แต่การสรรหาหนังสือ ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน แต่ อยู่ที่ตัวของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเข้าให้ถึงความต้องการของเด็ก ๆ โดยต้องรู้ก่อนว่า เด็กในวัยนี้อยากเรียนรู้เรื่องอะไร เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่ จะได้สรรหาสิ่งนั้นมาให้อย่างถูกต้อง และตรงตามพัฒนาการที่เขาพร้อมจะเรียนรู้อย่างเข้าใจด้วย เพราะเด็กในแต่ละวัยมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน และสุดท้ายคุณพ่อคุณแม่ ต้องไม่กังวลว่าบ้านจะรกเต็มไปด้วยหนังสือ เพราะการที่เด็ก ๆ เห็นหนังสือจนชินตา เขาก็จะรู้สึกคุ้นเคยและต้องการหยิบขึ้นมาอ่านเอง โดยที่ไม่ต้องบอกให้เขารักการอ่านเลย          วันนี้ อาจยังไม่สาย หากคุณพ่อคุณแม่ จะเริ่มปลูกฝังให้ลูก ๆ ของท่านรักการอ่าน โดยเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการหาหนังสือซักเล่มที่เหมาะสมกับวัย และพัฒนาการมาให้ลูก ๆ ของท่านได้อ่าน และเรียนรู้ที่จะมีหนังสืออยู่รอบ ๆ ตัวของเขาเอง

ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/56954

โครงการส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมหมุนเวียนสื่อ

ห้องสมุดประชาชนจังหวัดตรังได้ดำเินินโครงการส่งเสริมการอ่าน
กิจกรรมหมุนเวียนสื่อ  มุมหนังสือโรงพยาบาลตรัง  บขส.ตรัง
สถานีรถไฟตรัง  ท่าอากาศยานตรัง เพื่อเป็นการส่งเสริมการอ่านเชิงรุก



มุมหนังสือ ท่าอากาศยานตรัง


 มุมหนังสือโรงพยาบาลตรัง



มุมหนังสือสถานีรถไฟตรัง

มุมหนังสือ บขส.จังหวัดตรัง

วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง


5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง

5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง



5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง


5 เคล็ดลับเติมแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง (Woman Plus)

          พูดถึงแคลเซียม สารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างกระดูก ทุกคนต้องนึกถึง "นม" ขณะเดียวกันหนุ่มสาวส่วนใหญ่กลับดื่มนมน้อยลง เพราะเชื่อว่าการดื่มนมทำให้อ้วนและสะสมไขมันส่วนเกิน ผลสำรวจโดยแอนลีนพบว่า ผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ 84% ตระหนักถึงประโยชน์ของนม แต่มีไม่ถึง 50% ที่ดื่มนมและบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมเป็นประจำทุกวัน และโดยมากจะดื่มนมเพียงวันละ 1 แก้ว ทั้ง ที่ในความเป็นจริงแล้ว ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการคือ 800-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งนมส่วนใหญ่ใน 1 แก้วมักมีแคลเซียมเพียง 200-250 มิลลิกรัม หรือเพียง 25% เท่านั้น 

          รศ.พญ.วิไล คุปต์นิรัติศัยกุล หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกรรมการมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย จึงได้แนะนำ 5 เคล็ด (ไม่) ลับที่ช่วยเติมพลังแคลเซียมให้กับร่างกายแบบเต็มร้อย

           1. เลือกดื่มนมและอาหารที่มีแคลเซียม

          ใน ปริมาณที่เหมาะสม แคลเซียมในนมและผลิตภัณฑ์นมนั้นถูกดูดซึมได้ง่ายที่สุด เลือกรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ผลิตภัณฑ์จากนมอื่น ๆ เช่น โยเกิร์ต ชีส หรือนมเปรี้ยว รวมถึงเต้าหู้ก้อน ผักใบเขียว ถั่วงา


           2. วิตามินดีและแมกนีเซียม

          วิตามินดีมีอยู่ในนม ปลาแซลมอน เห็ด ไข่แดง น้ำมันพืช และแสงแดด โดยเราควรรับแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าและเย็น ประมาณ 10-15 นาทีต่อวัน ในขณะที่แมกนีเซียมทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการสังเคราะห์และควบคุมการขนส่ง แคลเซียม


           3. การออกกำลังกายที่ใช้การแบกรับน้ำหนักตัว หรือการออกกำลังกายที่มีการต้านแรงดึงดูดของโลก

          จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กระดูกได้ออกแรงทำงานและชะลอการเกิดภาวะกระดูก พรุนได้ รวมถึงการเล่นกีฬาประเภทต่าง ๆ เช่น แบดมินตัน เทนนิส บาสเกตบอลวอลเลย์บอล อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง 

          สำหรับผู้สูงอายุควรออกกำลังกายแบบแบกรับน้ำหนักตัวที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น การเดิน เต้นแอโรบิก ตีกอล์ฟ โยคะ ไทชิ และควรฝึกการทรงตัว เพื่อช่วยให้ลดความเสี่ยงจากการหกล้มและกระดูกหัก


           4. หลีกเลี่ยงผักที่ยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม 

          เช่น ผักโขม มันเทศ รำข้าวสาลี พืชมีเมล็ด และโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง ซึ่งอาจแก้ไขได้ด้วยการบริโภคผักที่มีแคลเซียมปานกลางถึงสูง แต่มีออกซาเลตต่ำ อาทิ คะน้า กวางตุ้ง ขี้เหล็ก ตำลึง บัวบก และถั่วพู เป็นต้น


           5. ควรหลีกเลี่ยงเหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ น้ำอัดลม

          เพราะแอลกอฮอล์คือวายร้ายที่คอยขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในระบบทางเดินอาหาร

ที่มา : http://health.kapook.com/view83941.html

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันได 9 ขั้น อ่านให้เก่ง


 นั่งอ่านตั้งนานก็ยังไม่เข้าใจ จำก็ไม่ได้…จะทำอย่างไรดี?
 การอ่านเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาคนและพัฒนาชาติ แต่พบว่าเปอร์เซ็นต์ของคนไทยกับการอ่านนั้นยังอยู่ในตัวเลขที่ต่ำมาก
จากการสัมมนาเพื่อเตรียมการจัดงานสัปดาห์ห้องสมุดปีที่ 33 พ.ศ. 2551 เรื่อง “การอ่านเพื่อพัฒนาตนและพัฒนาชาติ” รศ.ดร.ถนอมวงศ์ ล้ำยอดมรรคผล คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้สรุปวิธีการอ่าน(ให้เก่ง)ในรูปบันได 9 ขั้น ที่น่าสนใจ
ขั้นที่ 1 มีสมองไว้คิด การคิดคือปัจจัยเบื้องต้นของการเข้าใจ การอ่านโดยไม่คิดเท่ากับการเสียเวลา เพราะหากไม่เข้าใจก็ย่อมไม่ได้ความรู้ความคิด หรือข้อมูลไปทำอะไรได้
ขั้นที่ 2 ทำจิตให้แจ่มใส เตรียมพร้อมสำหรับการอ่าน สร้างบรรยากาศภายนอกและภายในจิตใจให้พร้อม
ขั้นที่ 3 สนใจอ่านทุกหนังสือ (อ่านหนังสือทุกชนิด) ให้ถามตัวเองว่าต้องการอะไรเป็นรางวัลในการอ่านแต่ละครั้ง แล้วสัญญากับตัวเองหรือขอรางวัลจากคนอื่นก็ได้เพื่อจะได้ลงมืออ่านจนสำเร็จ ไม่ว่าสิ่งที่อ่านจะยากเพียงใดก็จะพยายามทำความเข้าใจไปให้ตลอดด้วยวิธีการ ต่างๆ
ขั้นที่ 4 อย่าถือ “ดิค” เป็นคัมภีร์ ดิคชันนารีหรือพจนานุกรม ปทานุกรม อักขรานุกรม ซึ่งอธิบายคำศัพท์ภาษาเดียวกันก็ดี หรือต่างภาษาก็ดี อย่าเปิดหาคำศัพท์ตัวต่อตัวติดต่อกัน ให้อ่านข้อความให้จบเสียก่อนอย่างน้อยหนึ่งย่อหน้าหรือหนึ่งข้อความ หากคำที่ต้องการแปลได้หลายความหมาย ให้เลือกคำแปลที่ตรงกับแนวเรื่องที่อ่าน ถ้าพยายามด้วยตนเองทุกวิถีทางแล้วยังไม่ทราบความหมายของคำที่ต้องการ หรืออ่านข้อความไม่เข้าใจ ให้ถามผู้รู้
ขั้นที่ 5 อย่าอ่านจี้คำเป็นคำๆ การอ่านอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต้องอ่านแบบกวาดสายตา คือจะหยุดสายตาก็ต่อเมื่อได้ความหมายจากการอ่านข้อความช่วงหนึ่งๆ แล้ว ช่วงข้อความที่มีความหมายอาจจะสั้นเพียงคำเดียวหรืออาจจะยาวกว่าหนึ่งบรรทัด
ขั้นที่ 6 ฝึกการจำความย่อๆ คือจำข้อความที่สั้นที่สุดแต่ครอบคุลมเนื้อหาสาระให้ได้มากที่สุด ทำได้โดย 1.ทำเครื่องหมาย 2.ทำบันทึกสรุปแนวคิดหลัก 3.สร้างแผนภูมิ
ขั้นที่ 7 รู้จักขอความช่วยเหลือ หากอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็ควรฝึกฝนตนเอง หากยังทำความเข้าใจไม่ได้ก็ควรตรวจสอบกับหนังสือเล่มอื่นๆ ก่อนถามผู้รู้
ขั้นที่ 8 อ่านไม่เบื่อทุกวิชา สร้างแรงบันดาลใจว่าการทำความเข้าใจในทุกสาระความรู้ ให้เข้าใจว่าจักรวาลนี้กว้างเหลือเกิน ความรู้ต่างๆ มีมากเหลือจะตักตวงได้หมด ความรู้จะหาได้ด้วยการอ่าน
ขั้นที่ 9 ชีวิตมีค่าและประสบความสำเร็จ การอ่านที่ดีมิใช่มีแต่การอ่านเพื่อเรียนเท่านั้น เมื่อพัฒนาความสามารถของตนเองขึ้นมาแล้วผลที่ตามมาจะมิได้อยู่เฉพาะตัวเอง พึงตระหนักว่าหากอ่านเก่งก็อาจจะมีคุณค่าขึ้นมาได้ นั่นคือต้องอ่านอย่างมีจุดมุ่งหมาย
(Visited 1,161 times, 27 visits today)

ที่มา : http://www.stks.or.th/blog/?p=527

วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

“สุดยอด กศน.”

โครงการจัดการแข่งขันด้านความสามารถพิเศษ
ของนักศึกษา กศน.
“สุดยอด กศน.”





หลักการและเหตุผล
          ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายปฏิรูปการศึกษาด้วยการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน ได้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต และกระทรวง
ศึกษาธิการมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนานักเรียน นักศึกษาอย่างเต็มศักยภาพ  โดยเปลี่ยนแนวคิดจากระบบควบคุม เป็นการให้โอกาสให้
นักเรียน นักศึกษา ได้ใช้สมองในการเรียนรู้อย่างเต็มที่  เพื่อให้มีทักษะความสามารถความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการอย่างไม่มีที่สิ้น สุด   เพราะ
ประเทศจะพัฒนาได้ด้วยคนรุ่นใหม่ ที่คิดเป็น มีปรัชญาที่ลึกซึ้ง    จึงต้องการสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีความฉลาด และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากขึ้น 
สำนักงาน กศน. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย  เพื่อให้โอกาสให้กับประชาชนในการรับการศึกษามากขึ้น
ในด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน  ระดับประถมศึกษามัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย  การศึกษาด้านอาชีพ  และการศึกษาต่อเนื่องจาก
สถานศึกษา กศน. ตำบล/แขวง 7,424 แห่ง   กศน. อำเภอ/เขต จำนวน 928 แห่ง  ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง จำนวน 755
แห่ง ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน 9 แห่ง และการศึกษาทางไกลผ่านสื่อเทคโนโลยีต่างๆ  ทั้งด้านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุศึกษา
และวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) โดยมีนักศึกษา กศน. ทุกระดับและทุกประเภทกว่า 3,150,000 คน    ซึ่งเป็นผู้ที่มีความหลากหลายทั้ง
ระดับอายุ ถิ่นฐาน วัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ ทักษะ ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่ได้จากเรียน “กศน.” และ “การศึกษาตลอดชีวิต”
จากภูมิปัญญาและสื่อต่างๆ หล่อหลอมกับทักษะความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวนักศึกษา กศน.  ทำให้สามารถพัฒนา
ทักษะ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ เป็นความสามารถพิเศษ ที่เป็น “สุดยอด กศน.”      สำนักงาน กศน. จึงจัดทำ
โครงการจัดการแข่งขันด้านความสามารถพิเศษของนักศึกษา กศน.“สุดยอด กศน.” ในรูปแบบการแสดงทักษะความรู้ความสามารถพิเศษ  การนำ
เสนอนวัตกรรมและความสามารถพิเศษอื่นๆ ที่แสดงออกถึงความรู้ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และพรสวรรค์
ของนักศึกษา กศน. เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ทักษะถึงความสามารถพิเศษ และความคิดสร้างสรรค์ ของนักศึกษา กศน.    เสมือนเป็นรากหญ้าของ
คนส่วนใหญ่ของประเทศได้เป็น “สุดยอด กศน.” และมีโอกาสแจ้งเกิดในเวทีการแสดง ต่อไป

วัตถุประสงค์
          1. เพื่อส่งเสริมสนับสนุนนักศึกษา กศน. ที่มีความรู้ ทักษะความสามารถพิเศษ และพรสวรรค์ในด้านต่างๆ ได้แสดงออกในแนวทางที่ถูกต้อง
เหมาะสม
          2. เพื่อเผยแพร่กิจกรรมของนักศึกษา กศน.ซึ่งเป็นรากหญ้าของคนไทยให้ประชาชนได้รับรู้ถึงทักษะความสามารถด้านต่างๆ
          3. ส่งเสริมสนับสนุนนักศึกษา กศน. ที่มีทักษะความสามารถพิเศษด้านต่างๆ ได้มีเวทีในการแสดงออกซึ่งความสามารถ อันจะเป็นประโยชน์
ในการพัฒนาคุณภาพของนักศึกษา กศน. และครอบครัวต่อไป

เป้าหมาย
          1. เชิงปริมาณ
             1.1 สถานศึกษาสังกัดสำนักงาน กศน. ทุกแห่ง
             1.2 นักศึกษา กศน. ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีพ และการศึกษาต่อเนื่อง จำนวน 3,150,000 คน
          2. เชิงคุณภาพ
             2.1 นักศึกษา กศน. ที่มีทักษะความสามารถพิเศษ ความคิดสร้างสรรค์ และพรสวรรค์ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
                  ของตนเอง และแจ้งเกิดในเวทีการแสดง
             2.2 สำนักงาน กศน. มีนวัตกรรมการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาตลอดชีวิต ที่เกิดจากความสามารถ
                  พิเศษ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาและพรสวรรค์ของนักศึกษา กศน.
             2.3 ประชาชนชนได้รับทราบกิจกรรมการเรียนการสอนและผลงานความสามารถพิเศษของ สำนักงาน กศน.

รูปแบบและวิธีการจัดการแข่งขัน
          1. เกณฑ์การแข่งขัน
             1.1 นักศึกษา กศน. สามารถสมัครเข้าแข่งขันได้ในลักษณะบุคคลหรือทีม
             1.2 นักศึกษา กศน. ที่สมัครเข้าแข่งขันเป็นทีม จะต้องศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกัน
             1.3 นักศึกษา กศน. ที่สมัครเข้าร่วมแข่งขัน ต้องลงนามรับรองกิจกรรมที่นำมาแสดงเป็นผลงานของตนเอง โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
                  
ของผู้อื่น
             1.4 นักศึกษา กศน. จะต้องจัดหาและนำสื่อ วัสดุ อุปกรณ์การแข่งขันมาเอง
             1.5 นักศึกษา กศน. ที่แข่งขันต้องรับผิดชอบความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแสดงกับตนเอง ผู้อื่น วัสดุ อุปกรณ์และสถานที่
             1.6 นักศึกษา กศน. ใช้เวลาในแสดงความสามารถพิเศษฯ ไม่เกิน 5 นาที
             1.7 กิจกรรมของนักศึกษา กศน. ที่แข่งขันต้องไม่เกี่ยวข้องกับสถาบัน การเมือง ไม่เสียดสีล้อเลียน ดูหมิ่นเหยียดหยามบุคคล ศาสนา
                  เป็นที่อันตราย หวาดเสียว ผิดศีลธรรม ละเมิดสิทธิของผู้อื่น และอื่นๆที่คณะกรรมการเห็นว่าไม่เหมาะสม คณะกรรมการมีสิทธิตัดสินให้
                  ยุติการแข่งขันในทันทีได้

ที่มา : http://203.172.142.5/information/beta/sudyod_project.htm

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผลการประกวดหนังสือดีเด่นปี 57

นายกมล  รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาตัดสินการประกวดหนังสือดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2557 พิจารณาตัดสินการประกวดหนังสือที่ตีพิมพ์ในประเทศไทย ปี พ.ศ.2556 คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาตัดสินโดยแบ่งออกเป็น 9 ประเภท

นายกมล กล่าวว่า "ปีนี้มีจำนวนผู้ได้รับรางวัลมากกว่าปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่านักเขียนมีการพัฒนาผลงานให้มีคุณภาพมากขึ้น ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลหนังสือดีเด่นในปีนี้ และขอเชิญชวนครู ผู้ปกครอง ประชาชน และน้องๆ หนอนหนังสือทุกท่านไปหาซื้อหนังสือดีที่ได้รับรางวัลในเปิดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 42  และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม -- วันที่ 7 เมษายน 2557 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ กรุงเทพมหานคร "

ผลรางวัลมีดังนี้

1.หนังสือสารคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
รูปแบบบ้านเรือนของกลุ่มชาติพันธุ์ในอุษาคเนย์ โดย ระวิวรรณ  โอฬารรัตน์มณี สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. นกน่ารักน่ารู้  โดย กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์คติ สำนักพิมพ์คติ
2. เมื่อวัยเด็ก When I was young โดย อเนก  นาวิกมูล พิมพ์คำสำนักพิมพ์
3. หน้าหนึ่งในสยาม ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ โดย ไกรฤกษ์  นานา สำนักพิมพ์มติชน

2. หนังสือนวนิยาย
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
จับต้นมาชนปลาย โดย ชมัยภร  แสงกระจ่าง, สำนักพิมพ์คมบาง

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ผีเสื้อที่บินข้ามบึง โดย อุรุดา  โควินท์ , ณ ดา สำนักพิมพ์
2. ไม้นอกกอ  โดย ช่อมณี , สำนักพิมพ์อรุณ
3. อันเกิดแต่ดวงจิต...อธิษฐาน โดย อิสรา, สำนักพิมพ์เพื่อนดี

3. หนังสือกวีนิพนธ์
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
รวมบทกวี โคลงบ้านโคลงเมือง โดย นายทิวา, บริษัท ออน อาร์ต ครีเอชั่น จำกัด

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ผู้กลับใจ โดย เวทิน  ศันสนียเวทย์
2. ฝากหัวใจในแผ่นดิน โดย นภาลัย (ฤกษ์ชนะ)  สุวรรณธาดา
3. รวมบทกวี ก่อนกาลจักกลายกลืน โดย ชมพร  เพชรอนันต์กุล, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรังสิต

4. หนังสือรวมเรื่องสั้น
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ความทรงจำบางอย่างช่างรางเลือน โดย รัชศักดิ์  จิรวัฒน์ , สำนักพิมพ์มติชน

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ชายผู้อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำ โดย รัตนชัย  มานะบุตร, สำนักพิมพ์ผจญภัย
2. เสือกินคน โดย สาคร  พูลสุข, สำนักพิมพ์ไรท์เตอร์
3. หญิงเสาและเรื่องราวอื่น โดย กล้า  สมุทวณิช, สำนักพิมพ์มติชน


5. หนังสือสำหรับเด็กเล็ก  อายุ  3-5  ปี

รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ช้าง ช้าง ช้าง โดย ตุลย์  สุวรรณกิจ, สำนักพิมพ์แพรวเพื่อนเด็ก

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ข้าวเม่าเขาแหลม โดย นวพร  แซ่แต้, สำนักพิมพ์ประภาคารพับลิชชิ่ง
2. ไข่ของใคร โดย สองขา , สำนักพิมพ์สุวีริยาสาส์น
3. หัวใจดวงอุ่น โดย เกวลิน  ชุ่มช่างทอง , สำนักพิมพ์โลกหนังสือ


6. หนังสือสำหรับเด็ก  อายุ  6 - 11  ปี
แบ่งเป็น

6.1 หนังสือบันเทิงคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ตุ๊กตาแห่งความทรงจำ
โดย ณิชา  พีชวณิชย์ , สำนักพิมพ์ห้องเรียน
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
ของขวัญแด่พระราชา  โดย นำบุญ  นามเป็นบุญ,  สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ 
ท้องนา...ฟ้าสีสวย โดย ส. พุ่มสุวรรณ , องค์การค้าของ สกสค.
พ่อครูครับ ผมจะเป็นเด็กดี โดย โชติ  ศรีสุวรรณ , สำนักพิมพ์มติชน

6.2 หนังสือสารคดี
รางวัลดีเด่น  : ไม่มีหนังสือเรื่องใดสมควรได้รับรางวัล
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
ขุมทรัพย์บนผนัง โดย อู่ทอง ประศาสน์วินิจฉัย, คณะบุคคลบ้านเรียนน้ำริน
เต่าต้วมเตี้ยม โดย ภัทรา แสงดานุช , สำนักพิมพ์โลกหนังสือ
เห็ดฝาง โดย ปรัชญา รัศมีธรรมวงศ์ , นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น

7. หนังสือสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุ  12 - 18  ปี
แบ่งเป็น

7.1 หนังสือบันเทิงคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
อาม่าบนคอนโด โดย ชมัยภร  แสงกระจ่าง, สำนักพิมพ์คมบาง
รางวัลชมเชย  มี  2  รางวัล ได้แก่
ม้อนน้อยที่รัก โดย โชติ  ศรีสุวรรณ , สำนักพิมพ์มติชน 
เมื่อกางปีกแล้วก็ต้องบิน โดย ปะการัง ,  แพรวสำนักพิมพ์ 

7.2 หนังสือสารคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ราชาสถาน โดย วันฉัตร  ชินสุวาเทย์ , สำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ 
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
รักและรักษ์บางกอกน้อย โดย ประพีร์พรรณ  ภาณวะวัฒน์ , สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช   
เรื่องสะเทือนไต โดย  ปิยา  วัชระสวัสดิ์ , บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน)
เลห์ ลาดักห์ Little Tibet โดย เส้นนำสายตา, สำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ 

7.3 หนังสือบทร้อยกรอง
รางวัลดีเด่น  : ไม่มีหนังสือเรื่องใดสมควรได้รับรางวัล
รางวัลชมเชย  มี 1 รางวัล ได้แก่
แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินหนองจอก โดย สิทธิเดช  กนกแก้ว , สำนักพิมพ์ร้อยแก้ววรรณกรรม
                       
8. หนังสือการ์ตูน และ หรือนิยายภาพ
แบ่งเป็น

8.1 หนังสือการ์ตูน และ หรือนิยายภาพทั่วไป
รางวัลดีเด่น  : ไม่มีหนังสือเรื่องใดสมควรได้รับรางวัล
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
รามเกียรติ์ ปฐมบท โดย รัตนา  คชนาท, สำนักพิมพ์ห้องเรียน 
อินดง อินเดีย INDIA DIARY โดย สเลดทอย , สำนักพิมพ์แซลมอน
YELLOW SUN BEGINS โดย ชัยพร  พานิชรุทติวงศ์ , สำนักพิมพ์ฟูลสต๊อป

8.2 หนังสือการ์ตูน และ หรือนิยายภาพสำหรับเด็ก
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
เณรแก้วกับน้อยไชยา ผจญภัยโลกแฟนตาซี ตอน ตำนานไซอิ๋ว โดย สวนโมกข์กรุงเทพ, นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์  
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
เณรแก้วกับน้อยไชยา ผจญภัยโลกแฟนตาซี ตอน อสูรโลกล้านปี   โดย สวนโมกข์กรุงเทพ, นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์ 
ไทย THAILAND โดย วิรัตน์  ยืนยงพัฒนากิจ, บันลือพับลิเคชั่นส์
พระราหุล โดย โอม  รัชเวทย์ , สำนักพิมพ์อมรินทร์คอมมิกส์

9. หนังสือสวยงาม
แบ่งเป็น

9.1 หนังสือสวยงามทั่วไป
รางวัลดีเด่น  ได้แก่ พัดรองงานพระราชพิธีในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  โดย เบญจมาส  แพทอง , คณะกรรมการกิจการการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 

รางวัลชมเชย  มี  3 รางวัล ได้แก่ 
แกงไทย โดย ญดา  ศรีเงินยวง และชนิรัตน์  สำเร็จ, สำนักพิมพ์แสงแดด      
เทวสถานมรดกวัฒนธรรมบนแผ่นดินไทย โดย กุลวดี  สถิติรัต และคณะ , สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ประยุรวงศานุสรณ์ โครงการบูรณปฏิสังขรณ์ "เขามอ" วัดประยุรวงศาวาส โดย กุลวดี  สถิติรัต และคณะ , บริษัท ดาวกฤษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด

9.2 หนังสือสวยงามสำหรับเด็ก
รางวัลดีเด่น ได้แก่ รามเกียรติ์ ปฐมบท โดย รัตนา  คชนาท , สำนักพิมพ์ห้องเรียน

รางวัลชมเชย  มี  3 รางวัล ได้แก่
คนต่อเทียน โดย นำบุญ  นามเป็นบุญ, สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์
ช้าง ช้าง ช้าง โดย ตุลย์  สุวรรณกิจ, สำนักพิมพ์แพรวเพื่อนเด็ก
เล่นด้วยกันสนุกจัง โดย ทิพย์วรรณ  แสวงศรี, สำนักพิมพ์โลกหนังสือ

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1393409450

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

10 ประโยชน์ของเปลือกมะนาวและเปลือกส้มกับงานบ้าน

มะนาว ส้ม และเลมอน เป็นผลไม้รสเปรี้ยวซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และหลายคนก็ชื่นชอบรสชาติของผลไม้เหล่านี้เป็นพิเศษ จนต้องซื้อติดบ้านไว้รับประทาน และใช้ปรุงอาหารเป็นประจำ แต่จะมีใครทราบ บ้างหรือเปล่าเอ่ย ว่าเปลือกของผลไม้ตระกูลไซตรัสเหล่านี้ มีประโยชน์เกินกว่าที่เราจะโยนทิ้งถังขยะแล้วปล่อยปละละเลยไปได้ง่าย ๆ ซึ่งหากใครยังไม่เคยเอะใจกับประโยชน์ของเปลือกมะนาว ส้ม และเลมอนมาก่อน ก็สามารถศึกษาได้จากข้อมูลต่อไปนี้เลยจ้า

1. ดับกลิ่นน้ำส้มสายชู

           น้ำส้มสายชูจัดเป็นน้ำยาทำความอเนกประสงค์ที่ทรงประสิทธิภาพมาก ๆ แต่หลายคนก็ไม่ค่อยอยากใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดบ้านสักเท่าไร เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีกลิ่นที่ฉุนขึ้นจมูก ทำให้หลายคนไม่ค่อยปลื้มนัก แต่เราสามารถแก้ข้อเสียของกลิ่นน้ำส้มสายชูได้ ด้วยการใส่เปลือกมะนาว เปลือกส้ม หรือเปลือกเลมอนลงไป เพียงเท่านี้ก็สามารถลดกลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูลงไปได้เยอะแล้วจ้า

2. ลดกลิ่นเหม็นในขยะ

          ถังขยะในบ้านที่เริ่มมีกลิ่นเหม็นโชยออกมา ให้คุณโยนเปลือกผลไม้ไซตรัส เช่น เปลือกมะนาว เปลือกส้ม เปลือกเลมอน หรือเปลือกเกรปฟรุตลงไปในถังขยะ เพื่ออาศัยกรดและกลิ่นของเปลือกผลไม้เหล่านี้ ให้ช่วยกำจัดเชื้อโรค รวมทั้งดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในถังขยะไปในคราวเดียวกัน


3. กำจัดกลิ่นท่อระบายของเสีย

           ท่อระบายของเสีย หรือท่อระบายน้ำที่ส่งกลิ่นเหม็นออกมาอยู่เรื่อย ๆ สามารถจัดการกลิ่นเหม็นเหล่านี้ด้วยเปลือกมะนาว และเปลือกผลไม้ไซตรัสอื่น ๆ ได้เลย โดยวางเปลือกมะนาวทิ้งไว้ตรงปากท่อ ต่อไปนี้กลิ่นท่อก็จะลดลงแล้วล่ะค่ะ

4. ขัดเงาสเตนเลส

          เครื่องใช้ หรือเครื่องครัวสแตนเลสที่เริ่มดำหมอง ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำยาขัดเงามาใช้ให้เปลือง เพราะเพียงแค่คุณโรยเกลือป่นลงไป จากนั้นก็ใช้เปลือกมะนาว หรือเปลือกส้มขัดถูให้ทั่ว เพียงเท่านี้ก็สามารถเรียกคืนความเงาวับให้วัสดุสเตนเลสได้ง่าย ๆ เลยจ้า

5. ทำความสะอาดไมโครเวฟ

          หากไมโครเวฟของคุณมีทั้งกลิ่นอาหารอบอวล และคราบสกปรกอยู่ตามจุดต่าง ๆ ก็ถึงเวลาต้องทำความสะอาดไมโครเวฟสักหน่อยแล้ว เริ่มแรกก็เตรียมน้ำใส่ถ้วยที่สามารถใช้กับไมโครเวฟได้ จากนั้นก็หั่นมะนาวครึ่งลูก บีบน้ำลงไป ตามด้วยใส่เปลือกมะนาวลงไปด้วย แล้วก็นำไปอุ่นในไมโครเวฟสัก 2 นาที ปล่อยทิ้งไว้สักพักในไมโครเวฟคลายอุณภูมิสักหน่อย ก่อนจะเปิดฝาไมโครเวฟ แล้วใช้ผ้าเช็ดคราบสกปรกออกให้หมดจด


6. กำจัดคราบชา กาแฟ

          แก้วกาแฟที่ถูกใช้งานเป็นประจำ ย่อมต้องมีคราบชา และกาแฟติดอยู่เป็นปื้นแน่ ๆ ดังนั้นเราก็ควรกำจัดคราบเหล่านี้ เพื่อแก้วกาแฟดูน่าใช้มากขึ้น วิธีทำความสะอาดก็ง่าย ๆ เพียงแค่ใส่เปลือกมะนาว หรือเลมอนลงไป แล้วเทน้ำร้อนตามลงไป แช่ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็เทน้ำทิ้ง และทำความสะอาดแก้วกาแฟตามปกติอีกครั้ง แล้วคุณจะสังเกตได้เลยว่า คราบชากาแฟได้อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยเลยทีเดียว


7. ไล่มด

          บ้านไหนที่มีมดเดินป้วนเปี้ยนกวนใจ ก็สามารถใช้เปลือกเลมอน หรือเปลือกส้มมาวางดักทางมดตามหน้าต่างบ้าน และรอยแยกบนพื้นเพื่อกันมดได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมดตัวน้อยตัวนิดเขาไม่ชอบกลิ่นฉุน ๆ ของผลไม้ไซตรัสจ้า


8. ป้องกันความซนของน้องเหมียว
          บริเวณต้องห้ามที่ไม่อยากให้น้องเหมียวจอมซนมาวุ่นวาย เช่น กระถางต้นไม้ หรือห้องเก็บของ ให้คุณนำเปลือกส้มมาวางดักไว้ที่บริเวณนั้น ๆ ให้ทั่ว แค่นี้น้องเหมียวก็ไม่กล้าเดินเฉียดมาใกล้แล้วล่ะ


9. เพิ่มกลิ่นอโรมาให้บ้าน
          ถ้าใครต้องการให้บ้านทั้งหลังมีกลิ่นหอมอบอวลเหมือนสปาหรู ๆ สักที่ แนะนำให้ตั้งหม้อกับเตา แล้วตั้งชามแก้วอีกใบไว้บนหม้อ เติมน้ำและเปลือกส้ม อบเชย และกานพลูลงไปต้มให้หอมอบอวล เพิ่มสเน่ห์ให้บ้านได้อีกเยอะเลยจ้า

10. ทำเครื่องหอมประดับบ้าน
          เปลือกส้ม เปลือกมะนาว และเปลือกเลมอน เมื่อนำมารวมกับสมุนไพรกลิ่นหอม เช่น กานพลู ไพล และเครื่องหอมชนิดอื่น ๆ แล้วทับกันในภาชนะฝาปิดให้แห้ง ปล่อยทิ้งไว้สักระยะก็จะได้เครื่องหอมสำหรับวางตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน อย่างวางในห้องน้ำ และบริเวณอื่นได้หอมและสวยมาก ๆ เลยล่ะ

           ต้องบอก ว่า ส้ม มะนาว และเลมอนมีประโยชน์เต็ม ๆ ลูกเลยก็ว่าได้ เพราะกินได้ทั้งเนื้อและน้ำ แถมเปลือกยังเก็บมาใช้งานได้อีกเนอะ คุ้มจริง ๆ เลยเชียว ได้รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมลองนำทริคไปใช้ดูนะคะ

ที่มา : http://home.kapook.com/view81529.html

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การอ่านหนังสือมีส่วนช่วยสร้างความสำเร็จในการดำเนินชีวิตของบุคคล

การอ่านหนังสือมีส่วนช่วยสร้างความสำเร็จในการดำเนินชีวิตของบุคคล
จะเห็นได้ว่าผู้ที่สามารถอ่านได้ดีมักเจริญรุ่งเรืองกว่า ผู้ที่ไม่มีนิสัยรักการอ่าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ศึกษาหาความรู้จะต้องอ่านหนังสือให้มากกว่าบุคคลประเภทอื่น
เพราะจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวทางวิชาการอยู่เสมอ
จึงต้องอาศัยการสื่อสารรับรู้เรื่องราวความรู้จากการอ่านสิ่งพิมพ์ต่างๆเป็นประจำ  
rose
            การอ่าน คือ การรับสารจากตัวอักษร โดยผู้อ่านได้รับรู้เนื้อหาของสาร และเข้าใจเจตนาของผู้ส่งสาร การอ่านโดยทั่วไปมีนิยามดังที่กล่าวมาแล้ว ส่วนการอ่านสำหรับผู้มีการศึกษาระดับปริญญา ยังรวมถึงการใช้ความสามารถในการตีความ และใช้วิจารณญาณเลือกเฟ้นคุณค่าจากสิ่งที่อ่านมาใช้เป็นประโยชน์ทั้งทางด้าน ความรู้ ความคิด และอารมณ
            การอ่านเป็นกิจกรรมที่มีความมุ่งหมายแฝงอยู่ด้วยเสมอ ผู้ที่คอยมองหาและอ่านป้ายประกาศบอกสถานที่และระยะทางข้างถนน หรือผู้ที่อ่านสลากยาล้วนมีความมุ่งหมายในการอ่านทั้งสิ้นโดยเฉพาะผู้ที่ เลือกหยิบหนังสือเล่มหนึ่งเล่มใดมาอ่านหรือหยิบหนังสือมาเพื่ออ่านตอนใดตอน หนึ่ง
ย่อมแสดงว่ามีความมุ่งหมายในการอ่านอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม โดยปกติแล้ว การอ่านมีจุดมุ่งหมายอยู่ ๕ ประการ คือ

๑. อ่านเพื่อทราบข่าวสาร
คนเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงย่อมใส่ใจเรื่องราวในสังคม ข่าวสารการพัฒนา ข่าวบุคคลสำคัญ ข่าวขององค์กรต่างๆ ข่าวเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่มีผู้สนใจอ่าน สื่อในการอ่านเพื่อทราบข่าวสารมีหลายชนิด ได้แก่ หนังสือพิมพ์ คอลัมน์ข่าวสังคมในนิตยสาร และรายงานของหน่วยงานต่าง ๆ

๒. อ่านเพื่อความบันเทิง
อารมณ์และจินตนาการเป็นคุณสมบัติหนึ่งของความเป็นมนุษย์การอ่านเป็นสิ่งที่สนองตอบได้ทั้งอารมณ์และจินตนาการ โดยเฉพาะในด้านการสร้างสรรค์จินตนาการนั้น ยังไม่มีสื่อชนิดใดที่มีคุณสมบัติเท่าเทียมการอ่าน สื่อในการอ่านเพื่อความบันเทิงมีหลายชนิด ได้แก่ เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ และข้อเขียนขำขันสั้น ๆ

๓. อ่านเพื่อพัฒนาความคิด
มนุษย์ย่อมปรารถนาหลักการในการดำเนินชีวิต และแสวงหาหลักคิดจากผู้รู้ไว้เป็นคติเพื่อสร้างความหวังในยามสุขและเพื่อปลุกใจในยามท้อถอย สื่อในการอ่านเพื่อพัฒนาความคิดมีหลายชนิด ได้แก่ หนังสือด้านธรรมะ ปรัชญา รวมไปถึงบทความที่ให้แง่คิดต่างๆ แก่สังคม

๔. อ่านเพื่อค้นคว้าหาความรู้
มนุษย์ประกอบอาชีพได้ด้วยความรู้ความสามารถ การอ่านเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มเติมความรู้ให้แก่มนุษย์ได้เป็นประจำวัน ทั้งความรู้ในวิชาชีพและความรู้ในงานอดิเรก สื่อในการอ่านเพื่อค้นคว้าหาความรู้มีหลายชนิด ได้แก่ พจนานุกรม สารานุกรม ตำรา สารคดี ตลอดถึงวารสารและนิตยสารที่เน้นความรู้เฉพาะด้าน

๕. อ่านเพื่อศึกษาสำนวนภาษา
ภาษาเป็นเครื่องมือสื่อสารมี่ทรงพลังที่สุดของมนุษย์ และถ้อยคำเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุดของภาษา สื่อสำหรับการอ่านเป็นสื่อที่บันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐานมากที่สุด สำนวนที่ใช้ในสังคมจำนวนมากได้รับผ่านสื่อที่เป็นตัวอักษร ผู้สนใจอ่านเพื่อศึกษาสำนวนภาษาสามารถอ่านได้จากสื่อการอ่านทุกชนิดตามความสนใจของตน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเพื่อศึกษาสำนวนภาษาจากบันเทิงคดี สารคดี กวีนิพนธ์ หนังสือพิมพ์ หรือตำราวิชาการ ตลอดถึงศึกษาสำนวนภาษาของผู้เขียนเฉพาะบุคคล





ที่มา : http://www.kkw.rmutr.ac.th/thai1/webpages/

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผักพื้นบ้านไทยต้านมะเร็งได้


อาหารคือยาแขนงหนึ่งที่ช่วยบำรุงร่างกาย ผักพื้นบ้านของไทยหลายชนิดมีสรรพคุณช่วยต้านมะเร็ง หากทานเป็นประจำจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ อาทิ ผักกะหล่ำ เห็ด มะละกอ เป็นต้น
ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ จัดทำอินโฟกราฟฟิก แนะนำผักพื้นบ้านไทยที่มีสรรพคุณช่วยต้านมะเร็ง หากนำมาทานเป็นประจำจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้



เห็ด มีสรรพคุณ เพิ่มภูมิคุ้มกันลดเซลล์มะเร็ง
กระเทียม มีสรรพคุณ ยับยั้งการเติบโตของมะเร็งในกระเพาะอาหาร
ผักจำพวกกะหล่ำ มีสรรพคุณ ช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมากและอื่นๆ
ถั่ว มีสรรพคุณ ลดการเกิดมะเร็งที่ต่อมลูกหมาย
ขิง มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันมะเร็ง
มะเดื่อหวาน มีสรรพคุณ ฆ่าแบคทีเรียและทำให้เซลล์มะเร็งลดลง
ขมิ้นชัน มีสรรพคุณ ป้องกันมะเร็งลำไส้, ลำไส้ใหญ่
พริก มีสรรพคุณ ลดการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร
มะละกอ มีสรรพคุณ ยับยั้งการเกิดมะเร็งปากมดลูก

ที่มา : http://men.sanook.com/1780/

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

มรดกโลกของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 28 แห่ง

มรดกโลกของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 28 แห่ง

อุทยานแห่งชาติลอเรนซ์ (Lorentz National Park)
                                   
       อุทยานแห่งชาติลอเรนซ์ อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย มีพื้นที่ 2.5 ล้านเฮคเตอร์ เป็นเขตอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่เพียงแห่งเดียวในโลก ที่เชื่อมพื้นที่ยอดเขามีหิมะปกคลุมกับสิ่งแวดล้อมทางทะเลเขตร้อนรวมถึง พื้นที่ชุ่มน้ำ โดยที่บริเวณนี้ตั้งอยู่บนจุดบรรจบของสองแผ่นทวีปที่เคลื่อนเข้าหากัน พื้นที่จึงมีความซับซ้อนทางธรณีวิทยา มีการก่อตัวของภูเขาและธารน้ำแข็ง บริเวณนี้ยังมีแหล่งฟอสซิลซึ่งเป็นหลักฐานของวิวัฒนาการของชีวิตบนเกาะ นิวกินี และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุดในภูมิภาค

กลุ่มวัดพรัมบานัน (Prambanan Temple Compounds)
                                   
       กลุ่มวัดพรัมบานัน อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย พื้นที่บริเวณนี้สร้างขึ้นใคริสนศตวรรษที่ ๑๐ (พุทธศตวรรษที่ ๑๕) เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดเพื่อบูชาพระศิวะในอินโดนิเซีย เหนือขึ้นไปจากศูนย์กลางของพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัส คือ โบสถ์ ๓ หลังมีภาพแกะสลักเล่าเรื่องรามเกียรติ์ เพื่ออุทิศถวายแด่เทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ทั้ง ๓ องค์ของฮินดู (พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม) และสัตว์เทพพาหนะ
อุทยานแห่งชาติโคโมโด (Komodo National Park)
                                   
       อุทยานแห่งชาติโคโมโด อยู่ในประเทสอินโดนีเซีย เป็นเกาะภูเขาไฟ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ๕,๗๐๐ ตัว ด้วยลักษณะและนิสัยใจคอที่ก้าวร้าว ทำให้พวกมันถูกเรียกว่า “มังกรโคโมโด” สัตว์เหล่านี้ไม่มีที่อื่นในโลก ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสนใจของบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่จะมาศึกษาทฤษฎีของ วิวัฒนาการ เนินเขาที่ขรุขระของท้องทุ่งที่ปราศจากต้นไม้และบริเวณที่มีพืชหนาม ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงกับหาดทรายขาวกระจ่าง และน้ำสีฟ้าม้วนตัวไปเหนือปะการัง
อุทยานแห่งชาติอูจุงกูลอน (Ujung Kulon National Park)
                                    
       อุทยานแห่งชาติตั้ง ในประเทศอินโดนีเซีย อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของชวาแถบไหล่ทวีปซุนดา รวมคาบสมุทรอูจุงกูลอน เกาะนอกฝั่ง และรวมถึงเขตอนุรักษ์ธรรมชาติกรากะตั้ว(Krakatoa)ด้วย นอกเหนือจากธรรมชาติสวยงามพร้อมกับลักษณะธรณีวิทยาที่น่าสนใจเพื่อการศึกษา ภูเขาไฟบนแผ่นดินตอนใน อุทยานแห่งชาตินี้ยังมีป่าฝนพื้นที่ต่ำในที่ราบชวา สัตว์และพืชใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงแรดชวา
แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน (Sangiran Early Man Site)
                                  
       แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ที่ตั้งแหล่งโบราณคดีขุดค้นพบตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช ๑๙๓๖-๑๙๔๑ (พุทธศักราช ๒๔๗๙-๒๔๘๖) พบฟอสซิลมนุษย์ และต่อมาก็พบฟอสซิลของ Meganthropus erectus/Homo erectus จำนวน ๕๐ ซาก โดยครึ่งหนึ่งเป็นฟอสซิลมนุษย์ เป็นที่อยู่อาศัยมาในอดีตราว ๑ ล้านปีครึ่ง ซังงีรันเป็นสถานที่สำคัญที่ทำให้เราเข้าใจวิวัฒนาการของมนุษย์มากขึ้น

โบสถ์บาโรคแห่งฟิลิปปินส์ (Baroque Churches of the Philippines)
                                    
      โบสถ์บาโรคแห่งฟิลิปปินส์ ...โบสถ์ทั้ง ๔ หลังซึ่งหลังแรกสร้างโดยชาวสเปนในปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ (พุทธศตวรรษที่ ๒๑) นั้นตั้งอยู่ในกรุงมะนิลา ซานตามาเรีย ปาโออาย และมิอากาโอ รูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์คือการแสดงความเป็นบาโรคของยุโรปโดย ช่างฝีมือชาวจีนและฟิลิปปินส์
อุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะ (Tubbataha Reefs Natural Park)
                                  
      อุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะ อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ครอบคลุมพื้นที่ ๓๓,๒๐๐ เฮคเตอร์ รวมถึงเกาะปะการังทางเหนือและใต้ เป็นตัวอย่างของเกาะปะการังที่มีพันธุ์สัตว์ทะเลหนาแน่นมาก เกาะเล็ก ๆ ทางเหนือเป็นที่อยู่ของนกและเต่าทะเล บริเวณนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของแนวปะการังเก่าแก่ ที่ก่อตัวเป็นกำแพงสูงถึง ๑๐๐ เมตร ทะเลสาบกว้างใหญ่และเกาะปะการัง ๒ เกาะ
อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โต-ปรินเซซา (Puerto-Princesa Subterranean River National Park)
                                  
       อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โต-ปรินเซซา อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ แสดงให้เห็นภูมิทัศน์ที่แปลกตาของภูเขาหินปูนที่มีแม่น้ำอยู่ใต้ดินลักษณะ เด่นของแม่น้ำก็คือไหลตรงไปสู่ทะเล และส่วนที่อยู่ต่ำลงไปนั้นอยู่ใต้อิทธิพลของกระแสน้ำขึ้นน้ำลง บริเวณนี้ยังแสดงให้เห็นถิ่นฐานสำคัญ สำหรับการอนุรักษ์ความแตกต่างทางชีวภาพ บริเวณนี้มีระบบนิเวศน์แบบ "ภูเขาถึงทะเล" และมีผืนป่าที่สำคัญที่สุดในเอเซียอยู่หลายแห่ง
มะละกา และจอร์จทาวน์ นครประวัติศาสตร์บนช่องแคบมะละกา (Melaka and George Town, Historic Cities of the Straits of Malacca)
                                    
      มะละกาและจอร์จทาวน์ อยู่ในประเทศทาเลเซีย เมืองแห่งนี้ได้พัฒนามานานกว่า ๕๐๐ ปี ด้านการค้าขายและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกกับตะวันตกบนช่อง แคบมะละกา อิทธิพลของเอเชียและยุโรปได้ผสมผสานทางวัฒนธรรม ตึกที่ทำการของรัฐบาล โบสถ์ จตุรัส และป้อมปราการต่าง ๆ ทำให้เห็นภาพมะละกาในยุคต้นของประวัติศาสตร์ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากรัฐสุลต่านมาเลย์ ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๕ (พุทธศตวรรษที่ ๒๐)
อุทยานแห่งชาติฟง งา-เค บัง (Phong Nha-Ke Bang National Park)
                                     
       อุทยานแห่งชาติฟง งา-เค บัง (Phong Nha-Ke Bang National Park) อยู่ในประเทศเวียดนาม อุทยานแห่งชาติแห่งนี้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง (ราว ๔๐๐ ล้านปี) ดังนั้นบริเวณนี้จึงเป็นพื้นที่ภูมิประเทศแบบหินปูนที่เก่าแก่ที่สุดในเอ เซีย เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลกอย่างมาก ภูมิทัศน์ของอุทยานมีความซับซ้อนด้วยรูปแบบทางธรณีวิทยาหลากหลาย บริเวณที่กว้างขวางทอดยาวไปถึงชายแดนของสาธารณรัฐประชาชนลาวนั้น เต็มไปด้วยหินรูปร่างต่าง ๆ รวมถึงถ้ำและแม่น้ำใต้ดินความยาว ๖๕ กิโลเมตร


สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน (My Son Sanctuary)
                                   
       สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน (My Son Sanctuary) ตั้งอยู่ในประเทสเวียดนาม เป็นโบราณสถานที่ อยู่มนช่วง ระหว่างคริสต์ศตวรรษ ๔-๑๓ (พุทธศตวรรษที่ ๙-๑๘) เอกลักษณ์วัฒนธรรมซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากศาสนาฮินดูของอินเดียที่พัฒนามาตาม แนวชายฝั่งของเวียดนามในสมัยเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงร่องรอยที่เหลือของวัดที่เป็นหอสูง ตั้งอยู่ในบริเวณที่งดงามของเมืองหลวงด้านการเมืองและศาสนาของอาณาจักรจามใน ยุคนั้นส่วนใหญ่

เมืองโบราณฮอยอัน (Hoi An Ancient Town)
                                   
       เมืองโบราณฮอยอัน (Hoi An Ancient Town) ตั้งอยู่ที่ประเทศเวียดนาม เมืองนี้เป็นตัวอย่างของเมืองท่าในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๑๕-๑๙ (พุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๔) ที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี อาคารต่าง ๆ และการวางผังถนน สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของพื้นเมืองและต่างประเทศ ซึ่งได้ผสมผสานกันไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์
หมู่โบราณสถานเมืองเว้ (Complex of Hue Monuments)
                                   
       เมืองเว้ถูกสร้างเป็นเมืองหลวงของเวียดนาม ในปี คริสต์ศักราช ๑๘๐๒ (พุทธศักราช ๒๓๔๕) เมืองเว้ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางศาสนาและวัฒนธรรมด้วย ภายใต้การปกครองของราชวงศ์เหงียน (Nguyen) จนถึงปี คริสต์ศักราช ๑๙๔๕ (พุทธศักราช ๒๔๘๘) แม่น้ำหอม (Perfume) ไหลคดเคี้ยวผ่านกลางเมืองหลวง เมืองอิมพิเรียล เมืองต้องห้าม(Forbidden Purple City) และเมืองชั้นใน ทำให้เมืองนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติงดงาม
อุทยานคินาบาลู (Kinabalu Park)
                                    
       อุทยานนี้ตั้งอยู่ในรัฐซาบาห์ทางเหนือสุดของเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย ภูเขาคินาบาลูสูง ๔,๐๙๕ เมตร ตั้งตระหง่านสูงที่สุดอยู่ระหว่างภูเขาหิมาลัยกับนิวกีนี บริเวณนี้เต็มไปด้วยพืชพันธุ์มากมาย ตั้งแต่ป่าทึบที่ลุ่มต่ำเขตร้อน ภูเขาที่เป็นป่าฝนไปจนถึงป่าภูเขาเขตร้อน ป่าค่อนข้างหนาวและป่าละเมาะบนพื้นที่สูง บริเวณนี้เหมาะกับเป็นศูนย์กลางความหลากหลายของพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่พืชประจำถิ่นในหิมาลัย จีน ออสเตรเลีย มาเลเซีย และพันธุ์ไม้เขตร้อนทั้งหมด
ปราสาทพระวิหาร (Temple of Preah Vihear)
                                  
       สถานที่นี้ตั้งอยู่บนเนินสูงซึ่งอยู่เหนือที่ราบของเขมร ปราสาทนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระศิวะ ตัววิหารประกอบด้วยแนวอาคารต่อเนื่องเชื่อมโดยระเบียงคด และบันไดที่มีความยาวมากกว่า ๘๐๐ เมตร และย้อนเวลากลับไปถึงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ ๑๑ (พุทธศตวรรษที่ ๑๖) แม้กระนั้นก็ดีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน อาจสืบย้อนไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ ๙ (พุทธศตวรรษที่ ๑๔) เมื่อสถานที่นี้ถูกค้นพบ

อังกอร์ หรือนครวัด (Angko)
                                    
      แองกอร์เป็นโบราณสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า ๔๐๐ ตารางกิโลเมตร รวมบริเวณป่าด้วย อุทยานโบราณแองกอร์เป็นที่ตั้งของซากที่เหลือของเมืองหลวงต่าง ๆ ของอาณาจักรเขมร ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๙-๑๕ (พุทธศตวรรษที่ ๑๔-๒๐) รวมถึงนครวัดนครธม ปราสาทบายน อันงดงามด้วยการประดับประดาด้วยประติมากรรมมากมาย UNESCO ได้จัดตั้งโครงการอย่างกว้างขวาง เพื่อป้องกันสถานที่และบริเวณโดยรอบ
ปราสาทหินวัดพูและสิ่งก่อสร้างใกล้เคียงในแขวงจำปาสัก (Vat Phou and Associated Ancient Settlements within the Champasak Cultural Landscape)
                                  
      ปราสาทหินวัดพูและสิ่งก่อสร้างใกล้เคียงในแขวงจำปาสัก ตั้งอยู่ในประเทศลาว ภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของจำปาสักและอาณาบริเวณของวัดพู เป็นภูมิทัศน์ที่ได้วางผังและรักษาสภาพเดิมไว้เป็นอย่างดีมานานกว่า ๑,๐๐๐ ปี เป็นรูปแบบของศาสนาฮินดูที่มีความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ ใช้แกนจากยอดเขาไปยังฝั่งแม่น้ำแสดงให้เห็นรูปแบบวัด อาราม การประปาบนพื้นที่ประมาณ ๑๐ ตารางกิโลเมตร การวางผังเมืองริมฝั่งแม่น้ำโขงเป็นส่วนหนึ่งของบริเวณนี้เช่นเดียวกับภูเขา ภูเก้า ทั้งหมดนี้แสดงถึงพัฒนาการตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๕-๑๕ (พุทธศตวรรษที่ ๑๐-๒๐) ที่มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรเขมร
เมืองหลวงพระบาง (Town of Luang Prabang)
                                  
       หลวงพระบาง ตั้งอยู่ในประเทศลาว เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการหลอมรวมสถาปัตยกรรมตามประเพณีดั้งเดิม และโครงสร้างเมืองของลาวกับสถาปัตยกรรมยุโรปยุคอาณานิคม ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ (พุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕) มีการอนุรักษ์ภูมิทัศน์เมืองไว้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นขั้นตอนสำคัญในการผสมผสานวัฒนธรรมที่แตกต่าง ๒ วัฒนธรรมเข้าด้วยกัน
ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (Dong Phayayen-Khao Yai Forest Complex)
                                    
      บริเวณนี้ครอบคลุมพื้นที่ ๒๓ กิโลเมตร ระหว่างอุทยานแห่งชาติตาพระยาที่ชายแดนติดกับกัมพูชาทางตะวันออกและอุทยาน แห่งชาติเขาใหญ่ทางตะวันตก บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของพืชพันธุ์ไม้มากกว่า ๘๐๐ ตระกูล สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ๑๑๒ สายพันธุ์ (ในจำนวนสัตว์เหล่านั้นมีชะนี ๒ สายพันธุ์) มีนก ๓๙๒ ตระกูล สัตว์เลื้อยคลาน ๒๐๐ พันธุ์ รวมทั้งสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร (Historic City of Ayutthaya)
                                     
       อยุธยาเป็นเมืองหลวงแห่งที่ ๒ ของประเทศไทย สร้างขึ้นในปี คริสต์ศักราช ๑๓๕๐ (พุทธศักราช ๑๘๙๓) ต่อจากสุโขทัย เมืองนี้ถูกพม่าทำลายลงในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ (พุทธศตวรรษที่ ๒๓) ซากที่เหลืออยู่ประกอบด้วยศาสนสถานแสดงความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์

แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง (Ban Chiang Archaeological Site)
                                   
       แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงตั้งอยู่ในประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นฐานยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่ค้นพบในเอเซียตะวัน ออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นขั้นตอนสำคัญของวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม สังคม และวิชาการของมนุษย์ รวมทั้งแสดงหลักฐานของการเกษตรกรรม แหล่งผลิตและการใช้โลหะในภูมิภาค

เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัย และเมืองบริวาร (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns)
                                   
       สุโขทัย ตั้งอยู่ในประเทศไทย เป็นเมืองหลวงแรกของอาณาจักรสยามระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ (พุทธศตวรรษที่ ๑๘-๑๙) เมืองนี้มีสิ่งก่อสร้างสวยงามมากมายที่แสดงให้เห็นถึงยุคเริ่มแรกของ สถาปัตยกรรมไทย อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพัฒนาอยู่ในอาณาจักรสุโขทัยได้ซึมซับอิทธิพลและ ประเพณีโบราณมากมายของท้องถิ่น ผสมผสานเข้ากันเป็นศิลปะสุโขทัย
อ่าวฮาลอง (Halong Bay)
                                   
       อ่าวฮาลอง (Vịnh Hạ Long) หรือ ฮาลอง เบย์ (Halong Bay) เป็นอ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ยทางตอนเหนือของสาธารณรัฐ สังคมนิยมเวียดนาม ใกล้ชายแดนติดต่อกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ชื่อในภาษาเวียดนาม หมายถึง "อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง"
อุทยานแห่งชาติกูนุงมูลู (Gunung Mulu National Park)
                                    
       อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู (Gunung Mulu National Park) เป็นอุทยานที่ตั้งอยู่ในบนเกาะบอร์เนียว รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ติดกับชายแดนของประเทศบรูไน เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายในด้านชีววิทยาและธรณีวิทยาเป็นอย่างมาก มีพันธุ์พืชกว่า 3,500 ชนิด และมีพันธุ์ปาล์มกว่า 109 ชนิด
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และห้วยขาแข้ง (Thungyai-Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuaries)
                                  
       เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง เป็นสถานที่ธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียออกเฉียงใต้ที่ได้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ.2534 ประกอบด้วยผืนป่าอนุรักษ์ 3 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าด้านตะวันออก และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

นาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์ (Rice Terraces of the Philipine Cordilleras)
                                    
      นาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ที่เกาะลูซอนตอนเหนือ ของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยชาวพื้นเมืองอิฟูเกา (Ifugao) ที่สร้างนาขั้นบันไดแห่งนี้มากว่า 2,000 ปีแล้ว ด้วยเครื่องมือที่เรียบง่ายและแรงงานคน ซึ่งลูกหลานชาวนาสืบเชื้อสายมาจากชาว Ifugao ในปัจจุบันก็ยังคงยึดอาชีพทำนาเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา โดยความรู้นี้ได้ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และ การแสดงออกของประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ และความสมดุลของสังคมที่ละเอียดอ่อน ได้ช่วยกันสร้างสรรค์ความงามของภูมิทัศน์ ซึ่งแสดงถึงความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
กลุ่มวัดบรมพุทโธ (Borobuder Temple Compounds)
                                  
      มหาสถูปบุโรพุทโธ หรือ บรมพุทโธ (ภาษาอินโดนีเซีย: Chandi Borobudur) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในภาคกลางของเกาะชวา โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ถ้าไม่นับนครวัดของกัมพูชาซึ่งเป็นทั้งศาสนสถานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและ ศาสนาพุทธ บุโรพุทโธจะเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นครประวัติศาสตร์วีกัน (Historic Town of Vigan)
                                  
       เมืองวีกันเป็นเมืองริมทะเลด้านตะวันตกของเกาะลูซอน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ห่างจากซานเฟร์นันโด รวม 140 กม. วีกันเป็นเมืองที่สเปนเคยมาตั้งค่ายไว้ มีบ้านเรือนเก่าแก่ทรงสเปน ที่ยังสภาพสมบูรณ์อยู่มากในเขตเมืองเก่า มีโบสถ์เก่าแก่ และมีตำบลใกล้ๆริมทะเล และยังมีที่พักดั้งเดิมบนตึกเก่าแก่น่าพักอีกมากมายรอบๆ เขตเมืองเก่า ถนนและตึกแบบสเปน

ที่มา : http://www.nwvoc.ac.th/asean/Asean_Heritage2.html