วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผลการประกวดหนังสือดีเด่นปี 57

นายกมล  รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาตัดสินการประกวดหนังสือดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2557 พิจารณาตัดสินการประกวดหนังสือที่ตีพิมพ์ในประเทศไทย ปี พ.ศ.2556 คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาตัดสินโดยแบ่งออกเป็น 9 ประเภท

นายกมล กล่าวว่า "ปีนี้มีจำนวนผู้ได้รับรางวัลมากกว่าปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่านักเขียนมีการพัฒนาผลงานให้มีคุณภาพมากขึ้น ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลหนังสือดีเด่นในปีนี้ และขอเชิญชวนครู ผู้ปกครอง ประชาชน และน้องๆ หนอนหนังสือทุกท่านไปหาซื้อหนังสือดีที่ได้รับรางวัลในเปิดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 42  และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม -- วันที่ 7 เมษายน 2557 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ กรุงเทพมหานคร "

ผลรางวัลมีดังนี้

1.หนังสือสารคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
รูปแบบบ้านเรือนของกลุ่มชาติพันธุ์ในอุษาคเนย์ โดย ระวิวรรณ  โอฬารรัตน์มณี สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. นกน่ารักน่ารู้  โดย กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์คติ สำนักพิมพ์คติ
2. เมื่อวัยเด็ก When I was young โดย อเนก  นาวิกมูล พิมพ์คำสำนักพิมพ์
3. หน้าหนึ่งในสยาม ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ โดย ไกรฤกษ์  นานา สำนักพิมพ์มติชน

2. หนังสือนวนิยาย
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
จับต้นมาชนปลาย โดย ชมัยภร  แสงกระจ่าง, สำนักพิมพ์คมบาง

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ผีเสื้อที่บินข้ามบึง โดย อุรุดา  โควินท์ , ณ ดา สำนักพิมพ์
2. ไม้นอกกอ  โดย ช่อมณี , สำนักพิมพ์อรุณ
3. อันเกิดแต่ดวงจิต...อธิษฐาน โดย อิสรา, สำนักพิมพ์เพื่อนดี

3. หนังสือกวีนิพนธ์
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
รวมบทกวี โคลงบ้านโคลงเมือง โดย นายทิวา, บริษัท ออน อาร์ต ครีเอชั่น จำกัด

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ผู้กลับใจ โดย เวทิน  ศันสนียเวทย์
2. ฝากหัวใจในแผ่นดิน โดย นภาลัย (ฤกษ์ชนะ)  สุวรรณธาดา
3. รวมบทกวี ก่อนกาลจักกลายกลืน โดย ชมพร  เพชรอนันต์กุล, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรังสิต

4. หนังสือรวมเรื่องสั้น
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ความทรงจำบางอย่างช่างรางเลือน โดย รัชศักดิ์  จิรวัฒน์ , สำนักพิมพ์มติชน

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ชายผู้อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำ โดย รัตนชัย  มานะบุตร, สำนักพิมพ์ผจญภัย
2. เสือกินคน โดย สาคร  พูลสุข, สำนักพิมพ์ไรท์เตอร์
3. หญิงเสาและเรื่องราวอื่น โดย กล้า  สมุทวณิช, สำนักพิมพ์มติชน


5. หนังสือสำหรับเด็กเล็ก  อายุ  3-5  ปี

รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ช้าง ช้าง ช้าง โดย ตุลย์  สุวรรณกิจ, สำนักพิมพ์แพรวเพื่อนเด็ก

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่
1. ข้าวเม่าเขาแหลม โดย นวพร  แซ่แต้, สำนักพิมพ์ประภาคารพับลิชชิ่ง
2. ไข่ของใคร โดย สองขา , สำนักพิมพ์สุวีริยาสาส์น
3. หัวใจดวงอุ่น โดย เกวลิน  ชุ่มช่างทอง , สำนักพิมพ์โลกหนังสือ


6. หนังสือสำหรับเด็ก  อายุ  6 - 11  ปี
แบ่งเป็น

6.1 หนังสือบันเทิงคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ตุ๊กตาแห่งความทรงจำ
โดย ณิชา  พีชวณิชย์ , สำนักพิมพ์ห้องเรียน
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
ของขวัญแด่พระราชา  โดย นำบุญ  นามเป็นบุญ,  สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ 
ท้องนา...ฟ้าสีสวย โดย ส. พุ่มสุวรรณ , องค์การค้าของ สกสค.
พ่อครูครับ ผมจะเป็นเด็กดี โดย โชติ  ศรีสุวรรณ , สำนักพิมพ์มติชน

6.2 หนังสือสารคดี
รางวัลดีเด่น  : ไม่มีหนังสือเรื่องใดสมควรได้รับรางวัล
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
ขุมทรัพย์บนผนัง โดย อู่ทอง ประศาสน์วินิจฉัย, คณะบุคคลบ้านเรียนน้ำริน
เต่าต้วมเตี้ยม โดย ภัทรา แสงดานุช , สำนักพิมพ์โลกหนังสือ
เห็ดฝาง โดย ปรัชญา รัศมีธรรมวงศ์ , นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น

7. หนังสือสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุ  12 - 18  ปี
แบ่งเป็น

7.1 หนังสือบันเทิงคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
อาม่าบนคอนโด โดย ชมัยภร  แสงกระจ่าง, สำนักพิมพ์คมบาง
รางวัลชมเชย  มี  2  รางวัล ได้แก่
ม้อนน้อยที่รัก โดย โชติ  ศรีสุวรรณ , สำนักพิมพ์มติชน 
เมื่อกางปีกแล้วก็ต้องบิน โดย ปะการัง ,  แพรวสำนักพิมพ์ 

7.2 หนังสือสารคดี
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
ราชาสถาน โดย วันฉัตร  ชินสุวาเทย์ , สำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ 
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
รักและรักษ์บางกอกน้อย โดย ประพีร์พรรณ  ภาณวะวัฒน์ , สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช   
เรื่องสะเทือนไต โดย  ปิยา  วัชระสวัสดิ์ , บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน)
เลห์ ลาดักห์ Little Tibet โดย เส้นนำสายตา, สำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ 

7.3 หนังสือบทร้อยกรอง
รางวัลดีเด่น  : ไม่มีหนังสือเรื่องใดสมควรได้รับรางวัล
รางวัลชมเชย  มี 1 รางวัล ได้แก่
แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินหนองจอก โดย สิทธิเดช  กนกแก้ว , สำนักพิมพ์ร้อยแก้ววรรณกรรม
                       
8. หนังสือการ์ตูน และ หรือนิยายภาพ
แบ่งเป็น

8.1 หนังสือการ์ตูน และ หรือนิยายภาพทั่วไป
รางวัลดีเด่น  : ไม่มีหนังสือเรื่องใดสมควรได้รับรางวัล
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
รามเกียรติ์ ปฐมบท โดย รัตนา  คชนาท, สำนักพิมพ์ห้องเรียน 
อินดง อินเดีย INDIA DIARY โดย สเลดทอย , สำนักพิมพ์แซลมอน
YELLOW SUN BEGINS โดย ชัยพร  พานิชรุทติวงศ์ , สำนักพิมพ์ฟูลสต๊อป

8.2 หนังสือการ์ตูน และ หรือนิยายภาพสำหรับเด็ก
รางวัลดีเด่น  ได้แก่
เณรแก้วกับน้อยไชยา ผจญภัยโลกแฟนตาซี ตอน ตำนานไซอิ๋ว โดย สวนโมกข์กรุงเทพ, นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์  
รางวัลชมเชย  มี 3 รางวัล ได้แก่
เณรแก้วกับน้อยไชยา ผจญภัยโลกแฟนตาซี ตอน อสูรโลกล้านปี   โดย สวนโมกข์กรุงเทพ, นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์ 
ไทย THAILAND โดย วิรัตน์  ยืนยงพัฒนากิจ, บันลือพับลิเคชั่นส์
พระราหุล โดย โอม  รัชเวทย์ , สำนักพิมพ์อมรินทร์คอมมิกส์

9. หนังสือสวยงาม
แบ่งเป็น

9.1 หนังสือสวยงามทั่วไป
รางวัลดีเด่น  ได้แก่ พัดรองงานพระราชพิธีในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  โดย เบญจมาส  แพทอง , คณะกรรมการกิจการการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 

รางวัลชมเชย  มี  3 รางวัล ได้แก่ 
แกงไทย โดย ญดา  ศรีเงินยวง และชนิรัตน์  สำเร็จ, สำนักพิมพ์แสงแดด      
เทวสถานมรดกวัฒนธรรมบนแผ่นดินไทย โดย กุลวดี  สถิติรัต และคณะ , สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ประยุรวงศานุสรณ์ โครงการบูรณปฏิสังขรณ์ "เขามอ" วัดประยุรวงศาวาส โดย กุลวดี  สถิติรัต และคณะ , บริษัท ดาวกฤษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด

9.2 หนังสือสวยงามสำหรับเด็ก
รางวัลดีเด่น ได้แก่ รามเกียรติ์ ปฐมบท โดย รัตนา  คชนาท , สำนักพิมพ์ห้องเรียน

รางวัลชมเชย  มี  3 รางวัล ได้แก่
คนต่อเทียน โดย นำบุญ  นามเป็นบุญ, สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์
ช้าง ช้าง ช้าง โดย ตุลย์  สุวรรณกิจ, สำนักพิมพ์แพรวเพื่อนเด็ก
เล่นด้วยกันสนุกจัง โดย ทิพย์วรรณ  แสวงศรี, สำนักพิมพ์โลกหนังสือ

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1393409450

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

10 ประโยชน์ของเปลือกมะนาวและเปลือกส้มกับงานบ้าน

มะนาว ส้ม และเลมอน เป็นผลไม้รสเปรี้ยวซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และหลายคนก็ชื่นชอบรสชาติของผลไม้เหล่านี้เป็นพิเศษ จนต้องซื้อติดบ้านไว้รับประทาน และใช้ปรุงอาหารเป็นประจำ แต่จะมีใครทราบ บ้างหรือเปล่าเอ่ย ว่าเปลือกของผลไม้ตระกูลไซตรัสเหล่านี้ มีประโยชน์เกินกว่าที่เราจะโยนทิ้งถังขยะแล้วปล่อยปละละเลยไปได้ง่าย ๆ ซึ่งหากใครยังไม่เคยเอะใจกับประโยชน์ของเปลือกมะนาว ส้ม และเลมอนมาก่อน ก็สามารถศึกษาได้จากข้อมูลต่อไปนี้เลยจ้า

1. ดับกลิ่นน้ำส้มสายชู

           น้ำส้มสายชูจัดเป็นน้ำยาทำความอเนกประสงค์ที่ทรงประสิทธิภาพมาก ๆ แต่หลายคนก็ไม่ค่อยอยากใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดบ้านสักเท่าไร เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีกลิ่นที่ฉุนขึ้นจมูก ทำให้หลายคนไม่ค่อยปลื้มนัก แต่เราสามารถแก้ข้อเสียของกลิ่นน้ำส้มสายชูได้ ด้วยการใส่เปลือกมะนาว เปลือกส้ม หรือเปลือกเลมอนลงไป เพียงเท่านี้ก็สามารถลดกลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูลงไปได้เยอะแล้วจ้า

2. ลดกลิ่นเหม็นในขยะ

          ถังขยะในบ้านที่เริ่มมีกลิ่นเหม็นโชยออกมา ให้คุณโยนเปลือกผลไม้ไซตรัส เช่น เปลือกมะนาว เปลือกส้ม เปลือกเลมอน หรือเปลือกเกรปฟรุตลงไปในถังขยะ เพื่ออาศัยกรดและกลิ่นของเปลือกผลไม้เหล่านี้ ให้ช่วยกำจัดเชื้อโรค รวมทั้งดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในถังขยะไปในคราวเดียวกัน


3. กำจัดกลิ่นท่อระบายของเสีย

           ท่อระบายของเสีย หรือท่อระบายน้ำที่ส่งกลิ่นเหม็นออกมาอยู่เรื่อย ๆ สามารถจัดการกลิ่นเหม็นเหล่านี้ด้วยเปลือกมะนาว และเปลือกผลไม้ไซตรัสอื่น ๆ ได้เลย โดยวางเปลือกมะนาวทิ้งไว้ตรงปากท่อ ต่อไปนี้กลิ่นท่อก็จะลดลงแล้วล่ะค่ะ

4. ขัดเงาสเตนเลส

          เครื่องใช้ หรือเครื่องครัวสแตนเลสที่เริ่มดำหมอง ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำยาขัดเงามาใช้ให้เปลือง เพราะเพียงแค่คุณโรยเกลือป่นลงไป จากนั้นก็ใช้เปลือกมะนาว หรือเปลือกส้มขัดถูให้ทั่ว เพียงเท่านี้ก็สามารถเรียกคืนความเงาวับให้วัสดุสเตนเลสได้ง่าย ๆ เลยจ้า

5. ทำความสะอาดไมโครเวฟ

          หากไมโครเวฟของคุณมีทั้งกลิ่นอาหารอบอวล และคราบสกปรกอยู่ตามจุดต่าง ๆ ก็ถึงเวลาต้องทำความสะอาดไมโครเวฟสักหน่อยแล้ว เริ่มแรกก็เตรียมน้ำใส่ถ้วยที่สามารถใช้กับไมโครเวฟได้ จากนั้นก็หั่นมะนาวครึ่งลูก บีบน้ำลงไป ตามด้วยใส่เปลือกมะนาวลงไปด้วย แล้วก็นำไปอุ่นในไมโครเวฟสัก 2 นาที ปล่อยทิ้งไว้สักพักในไมโครเวฟคลายอุณภูมิสักหน่อย ก่อนจะเปิดฝาไมโครเวฟ แล้วใช้ผ้าเช็ดคราบสกปรกออกให้หมดจด


6. กำจัดคราบชา กาแฟ

          แก้วกาแฟที่ถูกใช้งานเป็นประจำ ย่อมต้องมีคราบชา และกาแฟติดอยู่เป็นปื้นแน่ ๆ ดังนั้นเราก็ควรกำจัดคราบเหล่านี้ เพื่อแก้วกาแฟดูน่าใช้มากขึ้น วิธีทำความสะอาดก็ง่าย ๆ เพียงแค่ใส่เปลือกมะนาว หรือเลมอนลงไป แล้วเทน้ำร้อนตามลงไป แช่ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็เทน้ำทิ้ง และทำความสะอาดแก้วกาแฟตามปกติอีกครั้ง แล้วคุณจะสังเกตได้เลยว่า คราบชากาแฟได้อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยเลยทีเดียว


7. ไล่มด

          บ้านไหนที่มีมดเดินป้วนเปี้ยนกวนใจ ก็สามารถใช้เปลือกเลมอน หรือเปลือกส้มมาวางดักทางมดตามหน้าต่างบ้าน และรอยแยกบนพื้นเพื่อกันมดได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมดตัวน้อยตัวนิดเขาไม่ชอบกลิ่นฉุน ๆ ของผลไม้ไซตรัสจ้า


8. ป้องกันความซนของน้องเหมียว
          บริเวณต้องห้ามที่ไม่อยากให้น้องเหมียวจอมซนมาวุ่นวาย เช่น กระถางต้นไม้ หรือห้องเก็บของ ให้คุณนำเปลือกส้มมาวางดักไว้ที่บริเวณนั้น ๆ ให้ทั่ว แค่นี้น้องเหมียวก็ไม่กล้าเดินเฉียดมาใกล้แล้วล่ะ


9. เพิ่มกลิ่นอโรมาให้บ้าน
          ถ้าใครต้องการให้บ้านทั้งหลังมีกลิ่นหอมอบอวลเหมือนสปาหรู ๆ สักที่ แนะนำให้ตั้งหม้อกับเตา แล้วตั้งชามแก้วอีกใบไว้บนหม้อ เติมน้ำและเปลือกส้ม อบเชย และกานพลูลงไปต้มให้หอมอบอวล เพิ่มสเน่ห์ให้บ้านได้อีกเยอะเลยจ้า

10. ทำเครื่องหอมประดับบ้าน
          เปลือกส้ม เปลือกมะนาว และเปลือกเลมอน เมื่อนำมารวมกับสมุนไพรกลิ่นหอม เช่น กานพลู ไพล และเครื่องหอมชนิดอื่น ๆ แล้วทับกันในภาชนะฝาปิดให้แห้ง ปล่อยทิ้งไว้สักระยะก็จะได้เครื่องหอมสำหรับวางตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน อย่างวางในห้องน้ำ และบริเวณอื่นได้หอมและสวยมาก ๆ เลยล่ะ

           ต้องบอก ว่า ส้ม มะนาว และเลมอนมีประโยชน์เต็ม ๆ ลูกเลยก็ว่าได้ เพราะกินได้ทั้งเนื้อและน้ำ แถมเปลือกยังเก็บมาใช้งานได้อีกเนอะ คุ้มจริง ๆ เลยเชียว ได้รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมลองนำทริคไปใช้ดูนะคะ

ที่มา : http://home.kapook.com/view81529.html

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การอ่านหนังสือมีส่วนช่วยสร้างความสำเร็จในการดำเนินชีวิตของบุคคล

การอ่านหนังสือมีส่วนช่วยสร้างความสำเร็จในการดำเนินชีวิตของบุคคล
จะเห็นได้ว่าผู้ที่สามารถอ่านได้ดีมักเจริญรุ่งเรืองกว่า ผู้ที่ไม่มีนิสัยรักการอ่าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ศึกษาหาความรู้จะต้องอ่านหนังสือให้มากกว่าบุคคลประเภทอื่น
เพราะจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวทางวิชาการอยู่เสมอ
จึงต้องอาศัยการสื่อสารรับรู้เรื่องราวความรู้จากการอ่านสิ่งพิมพ์ต่างๆเป็นประจำ  
rose
            การอ่าน คือ การรับสารจากตัวอักษร โดยผู้อ่านได้รับรู้เนื้อหาของสาร และเข้าใจเจตนาของผู้ส่งสาร การอ่านโดยทั่วไปมีนิยามดังที่กล่าวมาแล้ว ส่วนการอ่านสำหรับผู้มีการศึกษาระดับปริญญา ยังรวมถึงการใช้ความสามารถในการตีความ และใช้วิจารณญาณเลือกเฟ้นคุณค่าจากสิ่งที่อ่านมาใช้เป็นประโยชน์ทั้งทางด้าน ความรู้ ความคิด และอารมณ
            การอ่านเป็นกิจกรรมที่มีความมุ่งหมายแฝงอยู่ด้วยเสมอ ผู้ที่คอยมองหาและอ่านป้ายประกาศบอกสถานที่และระยะทางข้างถนน หรือผู้ที่อ่านสลากยาล้วนมีความมุ่งหมายในการอ่านทั้งสิ้นโดยเฉพาะผู้ที่ เลือกหยิบหนังสือเล่มหนึ่งเล่มใดมาอ่านหรือหยิบหนังสือมาเพื่ออ่านตอนใดตอน หนึ่ง
ย่อมแสดงว่ามีความมุ่งหมายในการอ่านอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม โดยปกติแล้ว การอ่านมีจุดมุ่งหมายอยู่ ๕ ประการ คือ

๑. อ่านเพื่อทราบข่าวสาร
คนเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงย่อมใส่ใจเรื่องราวในสังคม ข่าวสารการพัฒนา ข่าวบุคคลสำคัญ ข่าวขององค์กรต่างๆ ข่าวเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่มีผู้สนใจอ่าน สื่อในการอ่านเพื่อทราบข่าวสารมีหลายชนิด ได้แก่ หนังสือพิมพ์ คอลัมน์ข่าวสังคมในนิตยสาร และรายงานของหน่วยงานต่าง ๆ

๒. อ่านเพื่อความบันเทิง
อารมณ์และจินตนาการเป็นคุณสมบัติหนึ่งของความเป็นมนุษย์การอ่านเป็นสิ่งที่สนองตอบได้ทั้งอารมณ์และจินตนาการ โดยเฉพาะในด้านการสร้างสรรค์จินตนาการนั้น ยังไม่มีสื่อชนิดใดที่มีคุณสมบัติเท่าเทียมการอ่าน สื่อในการอ่านเพื่อความบันเทิงมีหลายชนิด ได้แก่ เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ และข้อเขียนขำขันสั้น ๆ

๓. อ่านเพื่อพัฒนาความคิด
มนุษย์ย่อมปรารถนาหลักการในการดำเนินชีวิต และแสวงหาหลักคิดจากผู้รู้ไว้เป็นคติเพื่อสร้างความหวังในยามสุขและเพื่อปลุกใจในยามท้อถอย สื่อในการอ่านเพื่อพัฒนาความคิดมีหลายชนิด ได้แก่ หนังสือด้านธรรมะ ปรัชญา รวมไปถึงบทความที่ให้แง่คิดต่างๆ แก่สังคม

๔. อ่านเพื่อค้นคว้าหาความรู้
มนุษย์ประกอบอาชีพได้ด้วยความรู้ความสามารถ การอ่านเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มเติมความรู้ให้แก่มนุษย์ได้เป็นประจำวัน ทั้งความรู้ในวิชาชีพและความรู้ในงานอดิเรก สื่อในการอ่านเพื่อค้นคว้าหาความรู้มีหลายชนิด ได้แก่ พจนานุกรม สารานุกรม ตำรา สารคดี ตลอดถึงวารสารและนิตยสารที่เน้นความรู้เฉพาะด้าน

๕. อ่านเพื่อศึกษาสำนวนภาษา
ภาษาเป็นเครื่องมือสื่อสารมี่ทรงพลังที่สุดของมนุษย์ และถ้อยคำเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุดของภาษา สื่อสำหรับการอ่านเป็นสื่อที่บันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐานมากที่สุด สำนวนที่ใช้ในสังคมจำนวนมากได้รับผ่านสื่อที่เป็นตัวอักษร ผู้สนใจอ่านเพื่อศึกษาสำนวนภาษาสามารถอ่านได้จากสื่อการอ่านทุกชนิดตามความสนใจของตน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเพื่อศึกษาสำนวนภาษาจากบันเทิงคดี สารคดี กวีนิพนธ์ หนังสือพิมพ์ หรือตำราวิชาการ ตลอดถึงศึกษาสำนวนภาษาของผู้เขียนเฉพาะบุคคล





ที่มา : http://www.kkw.rmutr.ac.th/thai1/webpages/

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผักพื้นบ้านไทยต้านมะเร็งได้


อาหารคือยาแขนงหนึ่งที่ช่วยบำรุงร่างกาย ผักพื้นบ้านของไทยหลายชนิดมีสรรพคุณช่วยต้านมะเร็ง หากทานเป็นประจำจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ อาทิ ผักกะหล่ำ เห็ด มะละกอ เป็นต้น
ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ จัดทำอินโฟกราฟฟิก แนะนำผักพื้นบ้านไทยที่มีสรรพคุณช่วยต้านมะเร็ง หากนำมาทานเป็นประจำจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้



เห็ด มีสรรพคุณ เพิ่มภูมิคุ้มกันลดเซลล์มะเร็ง
กระเทียม มีสรรพคุณ ยับยั้งการเติบโตของมะเร็งในกระเพาะอาหาร
ผักจำพวกกะหล่ำ มีสรรพคุณ ช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมากและอื่นๆ
ถั่ว มีสรรพคุณ ลดการเกิดมะเร็งที่ต่อมลูกหมาย
ขิง มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันมะเร็ง
มะเดื่อหวาน มีสรรพคุณ ฆ่าแบคทีเรียและทำให้เซลล์มะเร็งลดลง
ขมิ้นชัน มีสรรพคุณ ป้องกันมะเร็งลำไส้, ลำไส้ใหญ่
พริก มีสรรพคุณ ลดการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร
มะละกอ มีสรรพคุณ ยับยั้งการเกิดมะเร็งปากมดลูก

ที่มา : http://men.sanook.com/1780/

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

มรดกโลกของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 28 แห่ง

มรดกโลกของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 28 แห่ง

อุทยานแห่งชาติลอเรนซ์ (Lorentz National Park)
                                   
       อุทยานแห่งชาติลอเรนซ์ อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย มีพื้นที่ 2.5 ล้านเฮคเตอร์ เป็นเขตอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่เพียงแห่งเดียวในโลก ที่เชื่อมพื้นที่ยอดเขามีหิมะปกคลุมกับสิ่งแวดล้อมทางทะเลเขตร้อนรวมถึง พื้นที่ชุ่มน้ำ โดยที่บริเวณนี้ตั้งอยู่บนจุดบรรจบของสองแผ่นทวีปที่เคลื่อนเข้าหากัน พื้นที่จึงมีความซับซ้อนทางธรณีวิทยา มีการก่อตัวของภูเขาและธารน้ำแข็ง บริเวณนี้ยังมีแหล่งฟอสซิลซึ่งเป็นหลักฐานของวิวัฒนาการของชีวิตบนเกาะ นิวกินี และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุดในภูมิภาค

กลุ่มวัดพรัมบานัน (Prambanan Temple Compounds)
                                   
       กลุ่มวัดพรัมบานัน อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย พื้นที่บริเวณนี้สร้างขึ้นใคริสนศตวรรษที่ ๑๐ (พุทธศตวรรษที่ ๑๕) เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดเพื่อบูชาพระศิวะในอินโดนิเซีย เหนือขึ้นไปจากศูนย์กลางของพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัส คือ โบสถ์ ๓ หลังมีภาพแกะสลักเล่าเรื่องรามเกียรติ์ เพื่ออุทิศถวายแด่เทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ทั้ง ๓ องค์ของฮินดู (พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม) และสัตว์เทพพาหนะ
อุทยานแห่งชาติโคโมโด (Komodo National Park)
                                   
       อุทยานแห่งชาติโคโมโด อยู่ในประเทสอินโดนีเซีย เป็นเกาะภูเขาไฟ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ๕,๗๐๐ ตัว ด้วยลักษณะและนิสัยใจคอที่ก้าวร้าว ทำให้พวกมันถูกเรียกว่า “มังกรโคโมโด” สัตว์เหล่านี้ไม่มีที่อื่นในโลก ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสนใจของบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่จะมาศึกษาทฤษฎีของ วิวัฒนาการ เนินเขาที่ขรุขระของท้องทุ่งที่ปราศจากต้นไม้และบริเวณที่มีพืชหนาม ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงกับหาดทรายขาวกระจ่าง และน้ำสีฟ้าม้วนตัวไปเหนือปะการัง
อุทยานแห่งชาติอูจุงกูลอน (Ujung Kulon National Park)
                                    
       อุทยานแห่งชาติตั้ง ในประเทศอินโดนีเซีย อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของชวาแถบไหล่ทวีปซุนดา รวมคาบสมุทรอูจุงกูลอน เกาะนอกฝั่ง และรวมถึงเขตอนุรักษ์ธรรมชาติกรากะตั้ว(Krakatoa)ด้วย นอกเหนือจากธรรมชาติสวยงามพร้อมกับลักษณะธรณีวิทยาที่น่าสนใจเพื่อการศึกษา ภูเขาไฟบนแผ่นดินตอนใน อุทยานแห่งชาตินี้ยังมีป่าฝนพื้นที่ต่ำในที่ราบชวา สัตว์และพืชใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงแรดชวา
แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน (Sangiran Early Man Site)
                                  
       แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ที่ตั้งแหล่งโบราณคดีขุดค้นพบตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช ๑๙๓๖-๑๙๔๑ (พุทธศักราช ๒๔๗๙-๒๔๘๖) พบฟอสซิลมนุษย์ และต่อมาก็พบฟอสซิลของ Meganthropus erectus/Homo erectus จำนวน ๕๐ ซาก โดยครึ่งหนึ่งเป็นฟอสซิลมนุษย์ เป็นที่อยู่อาศัยมาในอดีตราว ๑ ล้านปีครึ่ง ซังงีรันเป็นสถานที่สำคัญที่ทำให้เราเข้าใจวิวัฒนาการของมนุษย์มากขึ้น

โบสถ์บาโรคแห่งฟิลิปปินส์ (Baroque Churches of the Philippines)
                                    
      โบสถ์บาโรคแห่งฟิลิปปินส์ ...โบสถ์ทั้ง ๔ หลังซึ่งหลังแรกสร้างโดยชาวสเปนในปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ (พุทธศตวรรษที่ ๒๑) นั้นตั้งอยู่ในกรุงมะนิลา ซานตามาเรีย ปาโออาย และมิอากาโอ รูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์คือการแสดงความเป็นบาโรคของยุโรปโดย ช่างฝีมือชาวจีนและฟิลิปปินส์
อุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะ (Tubbataha Reefs Natural Park)
                                  
      อุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะ อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ครอบคลุมพื้นที่ ๓๓,๒๐๐ เฮคเตอร์ รวมถึงเกาะปะการังทางเหนือและใต้ เป็นตัวอย่างของเกาะปะการังที่มีพันธุ์สัตว์ทะเลหนาแน่นมาก เกาะเล็ก ๆ ทางเหนือเป็นที่อยู่ของนกและเต่าทะเล บริเวณนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของแนวปะการังเก่าแก่ ที่ก่อตัวเป็นกำแพงสูงถึง ๑๐๐ เมตร ทะเลสาบกว้างใหญ่และเกาะปะการัง ๒ เกาะ
อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โต-ปรินเซซา (Puerto-Princesa Subterranean River National Park)
                                  
       อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โต-ปรินเซซา อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ แสดงให้เห็นภูมิทัศน์ที่แปลกตาของภูเขาหินปูนที่มีแม่น้ำอยู่ใต้ดินลักษณะ เด่นของแม่น้ำก็คือไหลตรงไปสู่ทะเล และส่วนที่อยู่ต่ำลงไปนั้นอยู่ใต้อิทธิพลของกระแสน้ำขึ้นน้ำลง บริเวณนี้ยังแสดงให้เห็นถิ่นฐานสำคัญ สำหรับการอนุรักษ์ความแตกต่างทางชีวภาพ บริเวณนี้มีระบบนิเวศน์แบบ "ภูเขาถึงทะเล" และมีผืนป่าที่สำคัญที่สุดในเอเซียอยู่หลายแห่ง
มะละกา และจอร์จทาวน์ นครประวัติศาสตร์บนช่องแคบมะละกา (Melaka and George Town, Historic Cities of the Straits of Malacca)
                                    
      มะละกาและจอร์จทาวน์ อยู่ในประเทศทาเลเซีย เมืองแห่งนี้ได้พัฒนามานานกว่า ๕๐๐ ปี ด้านการค้าขายและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกกับตะวันตกบนช่อง แคบมะละกา อิทธิพลของเอเชียและยุโรปได้ผสมผสานทางวัฒนธรรม ตึกที่ทำการของรัฐบาล โบสถ์ จตุรัส และป้อมปราการต่าง ๆ ทำให้เห็นภาพมะละกาในยุคต้นของประวัติศาสตร์ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากรัฐสุลต่านมาเลย์ ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๕ (พุทธศตวรรษที่ ๒๐)
อุทยานแห่งชาติฟง งา-เค บัง (Phong Nha-Ke Bang National Park)
                                     
       อุทยานแห่งชาติฟง งา-เค บัง (Phong Nha-Ke Bang National Park) อยู่ในประเทศเวียดนาม อุทยานแห่งชาติแห่งนี้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง (ราว ๔๐๐ ล้านปี) ดังนั้นบริเวณนี้จึงเป็นพื้นที่ภูมิประเทศแบบหินปูนที่เก่าแก่ที่สุดในเอ เซีย เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลกอย่างมาก ภูมิทัศน์ของอุทยานมีความซับซ้อนด้วยรูปแบบทางธรณีวิทยาหลากหลาย บริเวณที่กว้างขวางทอดยาวไปถึงชายแดนของสาธารณรัฐประชาชนลาวนั้น เต็มไปด้วยหินรูปร่างต่าง ๆ รวมถึงถ้ำและแม่น้ำใต้ดินความยาว ๖๕ กิโลเมตร


สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน (My Son Sanctuary)
                                   
       สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน (My Son Sanctuary) ตั้งอยู่ในประเทสเวียดนาม เป็นโบราณสถานที่ อยู่มนช่วง ระหว่างคริสต์ศตวรรษ ๔-๑๓ (พุทธศตวรรษที่ ๙-๑๘) เอกลักษณ์วัฒนธรรมซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากศาสนาฮินดูของอินเดียที่พัฒนามาตาม แนวชายฝั่งของเวียดนามในสมัยเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงร่องรอยที่เหลือของวัดที่เป็นหอสูง ตั้งอยู่ในบริเวณที่งดงามของเมืองหลวงด้านการเมืองและศาสนาของอาณาจักรจามใน ยุคนั้นส่วนใหญ่

เมืองโบราณฮอยอัน (Hoi An Ancient Town)
                                   
       เมืองโบราณฮอยอัน (Hoi An Ancient Town) ตั้งอยู่ที่ประเทศเวียดนาม เมืองนี้เป็นตัวอย่างของเมืองท่าในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๑๕-๑๙ (พุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๔) ที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี อาคารต่าง ๆ และการวางผังถนน สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของพื้นเมืองและต่างประเทศ ซึ่งได้ผสมผสานกันไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์
หมู่โบราณสถานเมืองเว้ (Complex of Hue Monuments)
                                   
       เมืองเว้ถูกสร้างเป็นเมืองหลวงของเวียดนาม ในปี คริสต์ศักราช ๑๘๐๒ (พุทธศักราช ๒๓๔๕) เมืองเว้ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางศาสนาและวัฒนธรรมด้วย ภายใต้การปกครองของราชวงศ์เหงียน (Nguyen) จนถึงปี คริสต์ศักราช ๑๙๔๕ (พุทธศักราช ๒๔๘๘) แม่น้ำหอม (Perfume) ไหลคดเคี้ยวผ่านกลางเมืองหลวง เมืองอิมพิเรียล เมืองต้องห้าม(Forbidden Purple City) และเมืองชั้นใน ทำให้เมืองนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติงดงาม
อุทยานคินาบาลู (Kinabalu Park)
                                    
       อุทยานนี้ตั้งอยู่ในรัฐซาบาห์ทางเหนือสุดของเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย ภูเขาคินาบาลูสูง ๔,๐๙๕ เมตร ตั้งตระหง่านสูงที่สุดอยู่ระหว่างภูเขาหิมาลัยกับนิวกีนี บริเวณนี้เต็มไปด้วยพืชพันธุ์มากมาย ตั้งแต่ป่าทึบที่ลุ่มต่ำเขตร้อน ภูเขาที่เป็นป่าฝนไปจนถึงป่าภูเขาเขตร้อน ป่าค่อนข้างหนาวและป่าละเมาะบนพื้นที่สูง บริเวณนี้เหมาะกับเป็นศูนย์กลางความหลากหลายของพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่พืชประจำถิ่นในหิมาลัย จีน ออสเตรเลีย มาเลเซีย และพันธุ์ไม้เขตร้อนทั้งหมด
ปราสาทพระวิหาร (Temple of Preah Vihear)
                                  
       สถานที่นี้ตั้งอยู่บนเนินสูงซึ่งอยู่เหนือที่ราบของเขมร ปราสาทนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระศิวะ ตัววิหารประกอบด้วยแนวอาคารต่อเนื่องเชื่อมโดยระเบียงคด และบันไดที่มีความยาวมากกว่า ๘๐๐ เมตร และย้อนเวลากลับไปถึงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ ๑๑ (พุทธศตวรรษที่ ๑๖) แม้กระนั้นก็ดีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน อาจสืบย้อนไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ ๙ (พุทธศตวรรษที่ ๑๔) เมื่อสถานที่นี้ถูกค้นพบ

อังกอร์ หรือนครวัด (Angko)
                                    
      แองกอร์เป็นโบราณสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า ๔๐๐ ตารางกิโลเมตร รวมบริเวณป่าด้วย อุทยานโบราณแองกอร์เป็นที่ตั้งของซากที่เหลือของเมืองหลวงต่าง ๆ ของอาณาจักรเขมร ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๙-๑๕ (พุทธศตวรรษที่ ๑๔-๒๐) รวมถึงนครวัดนครธม ปราสาทบายน อันงดงามด้วยการประดับประดาด้วยประติมากรรมมากมาย UNESCO ได้จัดตั้งโครงการอย่างกว้างขวาง เพื่อป้องกันสถานที่และบริเวณโดยรอบ
ปราสาทหินวัดพูและสิ่งก่อสร้างใกล้เคียงในแขวงจำปาสัก (Vat Phou and Associated Ancient Settlements within the Champasak Cultural Landscape)
                                  
      ปราสาทหินวัดพูและสิ่งก่อสร้างใกล้เคียงในแขวงจำปาสัก ตั้งอยู่ในประเทศลาว ภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของจำปาสักและอาณาบริเวณของวัดพู เป็นภูมิทัศน์ที่ได้วางผังและรักษาสภาพเดิมไว้เป็นอย่างดีมานานกว่า ๑,๐๐๐ ปี เป็นรูปแบบของศาสนาฮินดูที่มีความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ ใช้แกนจากยอดเขาไปยังฝั่งแม่น้ำแสดงให้เห็นรูปแบบวัด อาราม การประปาบนพื้นที่ประมาณ ๑๐ ตารางกิโลเมตร การวางผังเมืองริมฝั่งแม่น้ำโขงเป็นส่วนหนึ่งของบริเวณนี้เช่นเดียวกับภูเขา ภูเก้า ทั้งหมดนี้แสดงถึงพัฒนาการตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๕-๑๕ (พุทธศตวรรษที่ ๑๐-๒๐) ที่มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรเขมร
เมืองหลวงพระบาง (Town of Luang Prabang)
                                  
       หลวงพระบาง ตั้งอยู่ในประเทศลาว เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการหลอมรวมสถาปัตยกรรมตามประเพณีดั้งเดิม และโครงสร้างเมืองของลาวกับสถาปัตยกรรมยุโรปยุคอาณานิคม ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ (พุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕) มีการอนุรักษ์ภูมิทัศน์เมืองไว้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นขั้นตอนสำคัญในการผสมผสานวัฒนธรรมที่แตกต่าง ๒ วัฒนธรรมเข้าด้วยกัน
ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (Dong Phayayen-Khao Yai Forest Complex)
                                    
      บริเวณนี้ครอบคลุมพื้นที่ ๒๓ กิโลเมตร ระหว่างอุทยานแห่งชาติตาพระยาที่ชายแดนติดกับกัมพูชาทางตะวันออกและอุทยาน แห่งชาติเขาใหญ่ทางตะวันตก บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของพืชพันธุ์ไม้มากกว่า ๘๐๐ ตระกูล สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ๑๑๒ สายพันธุ์ (ในจำนวนสัตว์เหล่านั้นมีชะนี ๒ สายพันธุ์) มีนก ๓๙๒ ตระกูล สัตว์เลื้อยคลาน ๒๐๐ พันธุ์ รวมทั้งสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร (Historic City of Ayutthaya)
                                     
       อยุธยาเป็นเมืองหลวงแห่งที่ ๒ ของประเทศไทย สร้างขึ้นในปี คริสต์ศักราช ๑๓๕๐ (พุทธศักราช ๑๘๙๓) ต่อจากสุโขทัย เมืองนี้ถูกพม่าทำลายลงในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ (พุทธศตวรรษที่ ๒๓) ซากที่เหลืออยู่ประกอบด้วยศาสนสถานแสดงความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์

แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง (Ban Chiang Archaeological Site)
                                   
       แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงตั้งอยู่ในประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นฐานยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่ค้นพบในเอเซียตะวัน ออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นขั้นตอนสำคัญของวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม สังคม และวิชาการของมนุษย์ รวมทั้งแสดงหลักฐานของการเกษตรกรรม แหล่งผลิตและการใช้โลหะในภูมิภาค

เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัย และเมืองบริวาร (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns)
                                   
       สุโขทัย ตั้งอยู่ในประเทศไทย เป็นเมืองหลวงแรกของอาณาจักรสยามระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ (พุทธศตวรรษที่ ๑๘-๑๙) เมืองนี้มีสิ่งก่อสร้างสวยงามมากมายที่แสดงให้เห็นถึงยุคเริ่มแรกของ สถาปัตยกรรมไทย อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพัฒนาอยู่ในอาณาจักรสุโขทัยได้ซึมซับอิทธิพลและ ประเพณีโบราณมากมายของท้องถิ่น ผสมผสานเข้ากันเป็นศิลปะสุโขทัย
อ่าวฮาลอง (Halong Bay)
                                   
       อ่าวฮาลอง (Vịnh Hạ Long) หรือ ฮาลอง เบย์ (Halong Bay) เป็นอ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ยทางตอนเหนือของสาธารณรัฐ สังคมนิยมเวียดนาม ใกล้ชายแดนติดต่อกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ชื่อในภาษาเวียดนาม หมายถึง "อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง"
อุทยานแห่งชาติกูนุงมูลู (Gunung Mulu National Park)
                                    
       อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู (Gunung Mulu National Park) เป็นอุทยานที่ตั้งอยู่ในบนเกาะบอร์เนียว รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ติดกับชายแดนของประเทศบรูไน เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายในด้านชีววิทยาและธรณีวิทยาเป็นอย่างมาก มีพันธุ์พืชกว่า 3,500 ชนิด และมีพันธุ์ปาล์มกว่า 109 ชนิด
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และห้วยขาแข้ง (Thungyai-Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuaries)
                                  
       เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง เป็นสถานที่ธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียออกเฉียงใต้ที่ได้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ.2534 ประกอบด้วยผืนป่าอนุรักษ์ 3 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าด้านตะวันออก และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

นาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์ (Rice Terraces of the Philipine Cordilleras)
                                    
      นาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ที่เกาะลูซอนตอนเหนือ ของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยชาวพื้นเมืองอิฟูเกา (Ifugao) ที่สร้างนาขั้นบันไดแห่งนี้มากว่า 2,000 ปีแล้ว ด้วยเครื่องมือที่เรียบง่ายและแรงงานคน ซึ่งลูกหลานชาวนาสืบเชื้อสายมาจากชาว Ifugao ในปัจจุบันก็ยังคงยึดอาชีพทำนาเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา โดยความรู้นี้ได้ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และ การแสดงออกของประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ และความสมดุลของสังคมที่ละเอียดอ่อน ได้ช่วยกันสร้างสรรค์ความงามของภูมิทัศน์ ซึ่งแสดงถึงความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
กลุ่มวัดบรมพุทโธ (Borobuder Temple Compounds)
                                  
      มหาสถูปบุโรพุทโธ หรือ บรมพุทโธ (ภาษาอินโดนีเซีย: Chandi Borobudur) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในภาคกลางของเกาะชวา โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ถ้าไม่นับนครวัดของกัมพูชาซึ่งเป็นทั้งศาสนสถานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและ ศาสนาพุทธ บุโรพุทโธจะเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นครประวัติศาสตร์วีกัน (Historic Town of Vigan)
                                  
       เมืองวีกันเป็นเมืองริมทะเลด้านตะวันตกของเกาะลูซอน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ห่างจากซานเฟร์นันโด รวม 140 กม. วีกันเป็นเมืองที่สเปนเคยมาตั้งค่ายไว้ มีบ้านเรือนเก่าแก่ทรงสเปน ที่ยังสภาพสมบูรณ์อยู่มากในเขตเมืองเก่า มีโบสถ์เก่าแก่ และมีตำบลใกล้ๆริมทะเล และยังมีที่พักดั้งเดิมบนตึกเก่าแก่น่าพักอีกมากมายรอบๆ เขตเมืองเก่า ถนนและตึกแบบสเปน

ที่มา : http://www.nwvoc.ac.th/asean/Asean_Heritage2.html

ภาษาอังกฤษกับอาเซียน

ภาษาอังกฤษกับอาเซียน

                              
      กฎบัตรอาเซียนข้อ 34 บัญญัติว่า “The working language of ASEAN shall be English”  “ภาษาที่ใช้ในการทำงานของอาเซียน คือ ภาษาอังกฤษ” ดังนั้นภาษาอังกฤษจึงเป็นเครื่องมืออันดับหนึ่งสำหรับพลเมืองอาเซียน ในการสื่อสารสร้างความสัมพันธ์สู่ภูมิภาคอาเซียน ภาษาอังกฤษจึงเป็นภาษาที่สองของชาวอาเซียน เคียงคู่ภาษาที่หนึ่งอันเป็นภาษาประจำชาติของแต่ละคน
       ในปี พ.ศ. 2558 แรงงานมีฝีมือหรือมีทักษะและนักวิชาชีพทั้งหลายจะสามารถเดินทางข้ามประเทศใน ภูมิภาคอาเซียนไปหางานทำได ้สะดวกมากขึ้นและจะทำได้โดยเสรี หมายความว่า คนจากประเทศอื่นในอาเซียนก็จะสามารถมา สมัครงาน หางานทำ หรือแย่งงานเราไปทำได้ เพราะมีคุณสมบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอาเซียน ในเรื่องนี้เองที่ภาษาอังกฤษจะเป็นมาตรฐานกลางที่สำคัญอันจะนำไปสู่การเรียน การฝึกฝนอบรมในทักษะวิชาชีพต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ดังนั้นคนไทยทุกคนจึงจำจะต้องเรียนรู้และใช้ภาษาอังกฤษให้ได้และให้ดีไม่แพ้ ชาวชาติอื่นๆในอาเซียน หากทำได้อย่างน้อยก็จะเป็นการปกป้องโอกาสในการทำงานในประเทศไทยของเรามิให้ เพื่อนอาเซียนมาแย่งงาน ของเราไปได้ แต่หากเราไม่เก่งทั้งทักษะภาษาและทักษะวิชาชีพเราก็จะหางานทำในประเทศของเรา เองสู้ คนชาติอื่นไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เราจะเข้าไปแข่งขันหางานทำในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฯลฯ การมีทักษะวิชาชีพเสมอกันในคุณภาพแต่กลับความอ่อนด้อยในเรื่องภาษาอังกฤษก็ เป็นจุดอ่อนที่จะทำให้โอกาสการ หางานทำในอาเซียนลดลง แม้จะหางานทำในประเทศไทยเองก็ตามก็จะยากมากขึ้น
       ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องพัฒนาตนเองในการเรียนรู้ให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์ใน ประชาคมอาเซียน ณ วันนี้เป็นต้นไป

ที่มา : http://www.nwvoc.ac.th/asean/Asean_English.html

ดอกไม้ประจำชาติของประเทศสมาชิกอาเซียน

ดอกไม้ประจำชาติของประเทศสมาชิกอาเซียน

ดอกไม้ประจำชาติของบรูไน
                                   
       ดอกไม้ประจำชาติบรูไน ก็คือ ดอกซิมปอร์ (Simpor) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดอกส้านชะวา (Dillenia) ดอกไม้ประจำท้องถิ่นบรูไน ที่มีกลีบขนาดใหญ่สีเหลือง หากบานเต็มที่แล้วกลีบดอกจะมีลักษณะคล้ายร่ม พบเห็นได้ตามแม่น้ำทั่วไปของบรูไน มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล หากใครแวะไปเยือนบรูไน จะพบเห็นได้จากธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์ ของประเทศบรูไน และในงานศิลปะพื้นเมืองอีกด้วย

ดอกไม้ประจำชาติของกัมพูชา
                                   
       กัมพูชามีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกลำดวน (Rumdul) ดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล กลีบดอกหนาทึบและแข็งเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเย็นแบบกรุ่น ๆ ถูกจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายถึงความสดชื่นหอมกรุ่น และเป็นดอกไม้สำหรับสุภาพสตรี วิธีปลูกที่ถูกต้อง ต้องปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้าน ที่สำคัญต้องปลูกในวันพุธ ด้วยนะ
ดอกไม้ประจำชาติของอินโดนีเซีย
                                   
       ดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย คือ ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid) ซึ่งเป็นหนึ่งในดอกกล้วยไม้ที่บานอยู่ได้นานที่สุด โดยช่อดอกนั้นสามารถแตกกิ่งและอยู่ได้นาน 2-6 เดือน โดยดอกจะบานแค่ปีละ 2-3 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ดอกกล้วยไม้ราตรีสามารถเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น จึงพบเห็นได้ง่ายในพื้นที่ราบต่ำของประเทศอินโดนีเซีย
ดอกไม้ประจำชาติของลาว
                                    
       ดอกไม้ประจำชาติประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างประเทศลาว คือ ดอกจำปาลาว (Dok Champa) คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ ดอกลีลาวดี หรือ ดอกลั่นทม โดยดอกจำปาลาวมักมีสีสันหลากหลาย ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นเพียงสีขาวเท่านั้น เช่น สีชมพู สีเหลือง สีแดง หรือสีโทนอ่อนต่าง ๆ โดยดอกจำปาลาวนั้นเป็นตัวแทนของความสุขและความจริงใจ จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อประดับประดาในงานพิธีต่าง ๆ รวมทั้งใช้เป็นพวงมาลัยเพื่อรับแขกอีกด้วย

ดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซีย
                                  
       สำหรับประเทศมาเลเซียนั้น มีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกพู่ระหง (Bunga Raya) ในภาษาท้องถิ่นเรียกกันว่า บุหงารายอ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ดอกชบาสีแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นสีแดง มีเกสรยื่นยาวออกมาเหนือดอก ซึ่งถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย เพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความอดทนในชาติ โดยเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้สูงส่งและสง่างาม รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์และความงามได้อีกด้วย

ดอกไม้ประจำชาติของฟิลิปปินส์
                                    
       ดอกไม้ประจำชาติฟิลิปปินส์ คือ ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine) ดอกมีสีขาวกลีบดอกเป็นรูปดาว มีกลิ่นหอม บานส่งกลิ่นในตอนกลางคืน ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน รวมถึงความเข้มแข็งอีกด้วย เคยถูกนำมาใช้เฉลิมฉลองในตำนานเรื่องเล่ารวมทั้งบทเพลงของฟิลิปปินส์ด้วย เช่นกัน
ดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์
                                  
      ประเทศสิงคโปร์ มี ดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกกล้วยไม้แวนด้าตั้งชื่อตามผู้ผสมพันธุ์ คือ Miss Agnes Joaquim จัดเป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประเทศสิงคโปร์ มีสีม่วงสดสวยงามและเบ่งบานอยู่ตลอดทั้งปี โดยถูกจัดให้เป็นดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1981 (พ.ศ.2524)
ดอกไม้ประจำชาติของไทย
                                  
       ดอกไม้ประจำชาติไทยของเรา ก็คือ ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek) ที่มีสีเหลืองสวยสง่างาม เมื่อเบ่งบานแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ซึ่งชาวไทยหลายคนรู้จักกันดีในนามของ ดอกคูน โดยมีความเชื่อว่าสีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์คือสีแห่งพระพุทธศาสนาและความ รุ่งโรจน์ รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีปรองดองของคนในชาติอีกด้วย โดยดอกราชพฤกษ์จะเบ่งบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม มีจุดเด่นเวลาเบ่งบานคือการผลัดใบออกจนหมดต้น เหลือไว้เพียงแค่สีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์เท่านั้น
ดอกไม้ประจำชาติของเวียดนาม
                                    
      ประเทศเวียดนาม มีดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง ดอกบัว (Lotus) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกบัวเป็นที่รู้จักกันในนาม “ดอกไม้แห่งรุ่งอรุณ” เป็ญสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ดอกบัวจึงมักถูกกล่าวถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของชาวเวียดนามอยู่บ่อย ครั้ง
ดอกไม้ประจำชาติของพม่า
                                     
       ดอกไม้ประจำชาติของประเทศพม่า คือ ดอกประดู่ (Paduak) เป็นดอกไม้ที่พบมากในประเทศพม่า มีสีเหลืองทอง ผลิดอกและส่งกลิ่นหอมในฤดูฝนแรก ช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศพม่ามีการเฉลิมฉลองปีใหม่ ขึ้น ชาวพม่าเชื่อว่าดอกประดู่คือสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ความทนทาน และเป็นดอกไม้ที่ขาดไม่ได้ในพิธีทางศาสนาของชาวพม่าเลยล่ะ่


ที่มา : http://www.nwvoc.ac.th/asean/Asean_Flower.html